ส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ครบวงจร

ส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ครบวงจร

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

  1. เศรษฐกิจไทยต้องการ "เครื่องยนต์ใหม่": อัตราการเติบโต (GDP) ของไทยลดลงจาก 8% ในช่วงก่อนปี 2540 เหลือเพียง 2% ในปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น หนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะที่สูง แรงกดดันจากสงครามการค้า รัฐจึงต้องเปลี่ยนจากการ "กระตุ้นระยะสั้น" มาเป็นการ "ลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง" เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อได้

  2. ตลาดโลกขยายตัวต่อเนื่อง: ข้อมูลปี 2567 ตลาดเครื่องมือแพทย์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 17.4 ล้านล้านบาท คาดการณ์จะเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6.5% ประกอบกับไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้มีความต้องการใช้เครื่องมือแพทย์ภายในประเทศสูงมากเป็นทุนเดิม

  3. ไทยพื้นฐานดี มีโอกาสต่อยอด: ปัจจุบันเราส่งออกอุปกรณ์พื้นฐานทางการแพทย์อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง (เช่น ถุงมือยาง เข็มฉีดยา) ข้อมูลปี 2568 มูลค่าการส่งออกของไทยรวมกว่า 133,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากหากรัฐส่งเสริมบริษัทไทยให้ผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีซับซ้อนและมีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งจะเชื่อมต่อไปสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง (เช่น เครื่องจักรและเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ)

 

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

เรามุ่งพัฒนา “อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์” ในฐานะเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของไทย โดยมี 4 ด้านสำคัญ

  1. ยกระดับผู้ผลิตเดิม (Champion Upgrading): สนับสนุนบริษัทไทยที่มีศักยภาพอยู่แล้วให้ปรับปรุงกระบวนการผลิตด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างสินค้าที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงขึ้น พร้อมผลักดันให้ขยายส่วนแบ่งในตลาดโลกได้มากขึ้น

  2. เพิ่มความหลากหลายของสินค้า (Product Diversification): ส่งเสริมการผลิตเครื่องมือแพทย์ชนิดใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ "สังคมสูงวัย" และธุรกิจสุขภาพ (Wellness) โดยเริ่มจากอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับใช้งานภายนอก เรื่องนี้จะใช้เวลาและทรัพยากรสูงกว่าข้อ 1 แต่จะสร้างผลตอบแทนที่มหาศาลในระยะยาว

  3. รุกดิจิทัลและ AI: เร่งผลักดันให้เกิดสตาร์ทอัพด้านการแพทย์ (HealthTech) และการใช้ "ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์" เพื่อให้เทคโนโลยีเหล่านี้เกิดขึ้นและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในประเทศไทย

  4. ปฏิรูประบบนิเวศอุตสาหกรรม: ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความยั่งยืน ตั้งแต่การเพิ่มงบประมาณวิจัยที่ตรงจุด ไปจนถึงการพัฒนาระบบประเมินและอนุมัติเครื่องมือแพทย์ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ 

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ? (HOW)

เราแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ 

ชุดนโยบายระยะเร่งด่วน: เน้นกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ ส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทานใหม่ และยกระดับมาตรฐานสากล

1. ไทยทำ ไทยใช้: ช่วยให้ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์สัญชาติไทยเข้าถึงตลาดภายในประเทศได้มากขึ้น 

  • เน้นไปที่เครื่องมือแพทย์ซึ่งผ่าน 3 เกณฑ์ ได้แก่ มีอุปสงค์ในประเทศมากเพียงพอ มีความเสี่ยงต่อคนไข้ต่ำ และผู้ผลิตของไทยมีความสามารถในการผลิต 
  • มีกลไกสำคัญคือ
    • ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในประเทศเพื่อเพิ่มแต้มต่อด้านราคาให้ผลิตภัณฑ์ไทย จัดทำบัญชีเครื่องมือแพทย์แห่งชาติ (Thai medical account) และกำหนดสัดส่วนงบประมาณขั้นต่ำสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างของโรงพยาบาลรัฐ
    • ลดหย่อนภาษีหรือเงินคืน สำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่จัดซื้อเครื่องมือแพทย์สัญชาติไทย

2. เชื่อมไทยเข้ากับห่วงโซ่โลก: สร้างคลัสเตอร์การผลิตเครื่องมือแพทย์โดยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)

  • สร้างฐานการผลิตเครื่องมือแพทย์ใหม่ โดยเฉพาะสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยยังผลิตเองไม่เก่ง (เช่น เครื่องมือแพทย์ซับซ้อนสูง) โดยมีมาตรการคือ

  • ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่าน BOI และ EEC พร้อมมอบเงินอุดหนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D) จากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถและกองทุนวิจัยต่างๆ

  • วางเงื่อนไขในการส่งเสริม เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยี ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศ (Local Content)

  • พัฒนาระบบรับฟังความต้องการจากนักลงทุนต่างชาติโดยตรง เพื่อออกแบบสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์และดึงดูดใจได้จริง

3. ยกระดับ SME ไทยสู่สากล: ดันมาตรฐาน ISO

  • เนื่องจากผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ส่วนใหญ่ (กว่า 93%) เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) รัฐต้องเร่งส่งเสริมให้ได้รับการรับรอง ISO 13485 ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพเฉพาะสำหรับเครื่องมือแพทย์ในระดับสากล

 

ชุดนโยบายระยะยาว: เน้นสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ได้อย่างยั่งยืน

สรุป ชุดนโยบายระยะยาว เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ที่ยั่งยืน โดยแบ่งเป็น 5 ข้อหลักตามต้นฉบับดังนี้ครับ:

  1. ตั้งทีมเฉพาะกิจ (Taskforce) ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการผลักดันและประสานงานนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์โดยเฉพาะ

  2. บูรณาการการวิจัยและนวัตกรรมครบวงจร เชื่อมโยงระบบวิจัยให้ตอบโจทย์ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
  • วางยุทธศาสตร์ร่วมกับ สกสว. เน้นทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น การสร้างสินค้าใหม่ และการขยายส่วนแบ่งในตลาดโลก
  • ดึงหน่วยงานให้ทุน (PMU) สถาบันวิจัย และโรงงานผลิต มาร่วมมือกัน (Medical Consortium) เพื่อให้งบวิจัยถูกใช้อย่างคุ้มค่าและนำไปใช้ได้จริงในอุตสาหกรรม
  • ส่งเสริมเครื่องมือแพทย์ในรูปแบบบริการดิจิทัลและ AI (เช่น สตาร์ตอัปไทยซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อวินิจฉัยโรคปอด) โดยปรับปรุงมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลและกฎระเบียบการเปิดเผยข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นอุปสรรคในปัจจุบัน

  1. ปฏิรูประบบใบอนุญาตให้รวดเร็วและคล่องตัว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ อย. โดยยังยึดถือความปลอดภัยเป็นหลัก เช่น ใช้ "ผู้ตรวจสอบภายนอก" (Third-Party Reviewer) ที่เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจประเมินเอกสารเทคนิคเบื้องต้น เพื่อลดระยะเวลาการรอคอย โดย อย. ยังเป็นผู้อนุมัติขั้นสุดท้าย (เป็นรูปแบบที่สำเร็จของสหภาพยุโรป)

  2. รุกตลาดโลกด้วยข้อมูลเชิงลึกและการจับคู่ธุรกิจ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็น "พี่เลี้ยง" ครบวงจรให้กับผู้ส่งออก
  • จัดทำฐานข้อมูลเชิงลึก (Market Intelligence) วิเคราะห์ความเป็นไปได้รายผลิตภัณฑ์และกฎระเบียบเฉพาะของแต่ละประเทศปลายทาง
  • ให้บริการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อหาตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในประเทศปลายทาง เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าสู่ตลาดใหม่

      5. เชื่อมโยงอุตสาหกรรมข้ามสาย สร้างผลกระทบเชิงบวกไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ

  • ดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร เข้ามาเป็นซัพพลายเออร์ให้เครื่องมือแพทย์ ผ่านกลไก business matching และการฝึกอบรมเพื่อปรับปรุงทักษะการผลิต
  • เชื่อมต่อผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ไทยเข้ากับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ