ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ข้อมูลจากธนาคารโลกในปี 2563 SMEs ไทย 3.2 ล้านราย ซึ่งครอบคลุมการจ้างงานถึง 69% ของประเทศ กำลังสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ทุนใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่กฎระเบียบภาษีในปัจจุบันยังเป็นอุปสรรคต่อการเข้าระบบ ส่งผลให้ไทยมีเศรษฐกิจนอกระบบสูงถึง 45% ซึ่งนับเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน และทำให้ธุรกิจรายย่อยเสียโอกาสในการขยายศักยภาพอย่างเต็มที่

เราจะทำอะไร (WHAT)

ผลักดัน “หวยใบเสร็จ SMEs” เพื่อสนับสนุนให้ SMEs มีแต้มต่อในการแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ จูงใจให้ผู้บริโภคสนับสนุนสินค้าและบริการจากธุรกิจ SMEs มากขึ้น โดยผู้ประกอบการ SMEs ที่ร่วมโครงการจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย

  1. สิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค: 

    • ทุกยอดซื้อสะสมจากร้าน SMEs (สะสมจากหลายร้านได้) ครบ 500 บาท โดยซื้อผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” หรือแอปธนาคารที่ร่วมโครงการ จะได้รับหวยใบเสร็จ (เลข 3 ตัว) 1 ใบ 

    • ลุ้นรางวัลได้ทุกครึ่งเดือน (สูงสุด 20 ใบ/เดือน ในเฟสแรก) 

    • ภายใต้วงเงินรางวัลรวม 1,000 ล้านบาทต่อเดือน

  2. สิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการ: 

    • ร้านค้า SMEs ได้รับหวยใบเสร็จ 1 ใบ เมื่อมียอดขายสะสมครบทุก 5,000 บาท (ไม่เกิน 20 ใบ/เดือน รวมกับข้อ 1 ในเฟสแรก)

    • เข้าร่วมโครงการได้ ทั้ง SMEs ประเภทบุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล

  3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี (Simplify Tax/VAT) แก่ SMEs ที่ร่วมโครงการ 

    • ขยายเพดาน VAT: เพิ่มเพดานเกณฑ์ยอดขายต่อปีที่จะต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม จากเดิม 1.8 ล้านบาท/ปี เป็น 3.6 ล้านบาท/ปี

    • เพิ่มสิทธิหักค่าใช้จ่าย: เพิ่มอัตราค่าใช้จ่ายเหมาในการคำนวณภาษีรายได้บุคคลธรรมดา เดิมอัตรา 60% เป็นสูงสุด 90% (สำหรับรายได้ไม่เกิน 5.4 ล้านบาท/ปี)

    • VAT เหมาจ่าย: เลือกจ่าย VAT อัตราเหมา 2.1% แทน 7% ได้ และยื่นรายไตรมาสแทนรายเดือน เพื่อลดภาระงานเอกสาร

  4. การเข้าถึงเงินทุน: SMEs ในโครงการสามารถใช้ข้อมูลยอดขายจริงมายื่นขอ สินเชื่อในระบบ ได้ทันที พร้อมเพิ่มการค้ำประกันจาก บสย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยกู้

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

  1. ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล: ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมอย่างแอปฯ “เป๋าตัง” และระบบ “สลากดิจิทัล” เพื่อให้โครงการเริ่มได้ทันที ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่

  2. จัดสรรงบประมาณรางวัล: อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นเงินรางวัลหวยใบเสร็จ SMEs

  3. ตรากฎหมายสิทธิประโยชน์ภาษี: ออกพระราชกฤษฎีกาตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกําหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน และ ว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อม ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ

  4. ปฏิรูประบบ VAT เหมาจ่าย: ปรับปรุงประมวลรัษฎากร เพิ่มหลักการระบบภาษีมูลค่าเพิ่มแบบเรียบง่าย (Simplify VAT) ให้ SMEs สามารถเสีย VAT ในอัตราเหมาจ่าย แทนการเสีย VAT เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายได้

  5. ปรับนิยาม SME: ปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดนิยาม SME ให้สอดคล้องกับบริบท และ ผูกกับรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อป้องกันการจดบริษัทหรือแตกบริษัทย่อยเพื่อรับสิทธิประโยชน์ SMEs จากมาตรการภาครัฐ

  6. เปิดข้อมูลเพื่อสินเชื่อ: เปิดช่องทางเชื่อมโยงข้อมูลรายได้ (API) จากโครงการ ให้สถาบันการเงินใช้ประเมินสินเชื่อได้ โดยมี บสย. ช่วยค้ำประกัน

  7. เชื่อมต่อระบบบริหารจัดการธุรกิจ: เปิด API ให้ข้อมูลจากโครงการเชื่อมกับระบบ POS, บัญชี, ERP, CRM ของเอกชนได้ตามลำดับ เพื่อให้ SMEs มีข้อมูลในการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ (โดยรัฐอุดหนุนผ่านคูปอง SMEs)

  8. ขยายสู่แพลตฟอร์ม Delivery และ E-commerce: เชื่อมระบบหวยใบเสร็จเข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือแพลตฟอร์มต้องยินยอมให้ระบบการชำระเงินโอนตรงจาก "ผู้ซื้อสู่ผู้ขาย" เท่านั้น

  9. ปลดล็อกผูกขาด: กำหนดมาตรฐานข้อมูลและ API เพื่อเปิดให้ธนาคารหรือผู้ให้บริการ E-Payment รายอื่นเข้าร่วมโครงการได้ เพื่อลดการผูกขาดนโยบายรัฐไว้กับธนาคารใดธนาคารหนึ่ง และเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน