1. การเจรจาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD): เป็นหน่วยงานหลักในการเจรจาเชิงนโยบายกับแพลตฟอร์มต่างชาติ เพื่อเปิดช่องทางพิเศษและขอรับการสนับสนุนด้านเครื่องมือขายสำหรับสินค้าไทยในตลาดอาเซียน
2. ยกระดับเทคโนโลยีร่วมกับเครือข่ายสตาร์ทอัพ (Startup)
- บูรณาการความร่วมมือ: ทำงานร่วมกับสมาคมสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup), สมาคมอีคอมเมิร์ซ (Thai e-Commerce) และสมาคมเทคโนโลยีขนส่ง (LogisTech)
- อัปเกรดระบบบริหารจัดการ: พัฒนา ระบบจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System - OMS) ของคนไทย ให้สามารถเชื่อมต่อและบริหารจัดการสินค้าบนแพลตฟอร์มต่างชาติได้โดยตรง
- ฟังก์ชันสนับสนุนการขาย: ติดตั้งระบบ การแปลภาษาอัตโนมัติ (Automated Translation) และระบบ การปรับราคาสินค้าตามพื้นที่ (Dynamic Localization Pricing) ให้สอดคล้องกับค่าเงินและรสนิยมของแต่ละประเทศ
3. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการจัดส่ง (Local Fulfillment)
- จัดตั้งคลังสินค้าในต่างประเทศ: ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อสร้าง ระบบบริหารคลังสินค้าและจัดส่งในท้องถิ่น (Local Fulfillment Center) ในกลุ่มประเทศเป้าหมาย เพื่อความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้า
- มุ่งเป้าตลาดเฉพาะ (Niche Market): เช่น การส่งออกผลไม้แปรรูปของไทยไปยังตลาดเฉพาะกลุ่มในมาเลเซีย
4. อำนวยความสะดวกและการตลาดเชิงรุก
- ลดอุปสรรคทางการค้า: กรมการค้าต่างประเทศต้องปฏิรูปขั้นตอนการส่งออกให้ง่ายและรวดเร็วขึ้นสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย
- อัดฉีดงบประมาณการตลาด: ใช้รัฐเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณทำโปรโมชั่น (Promotion), แจกคูปองส่วนลด และอุดหนุนค่าจัดส่งฟรีในช่วงเริ่มต้นโครงการ
- การคัดเลือกสินค้าคุณภาพ (Curation): จัดตั้งทีมวิจัยและทีมคัดเลือกสินค้า เพื่อวิเคราะห์รสนิยมและพฤติกรรมผู้บริโภคในอาเซียนก่อนผลักดันสินค้าขึ้นระบบ