สร้าง "ตลาดเปิดดิจิทัล“ (OCN) สู้อีคอมเมิร์ซต่างชาติ ทวงคืนโอกาสคนไทย

สร้าง "ตลาดเปิดดิจิทัล“ (OCN) สู้อีคอมเมิร์ซต่างชาติ ทวงคืนโอกาสคนไทย

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

  • การผูกขาดของแพลตฟอร์มต่างชาติ (Monopoly): ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มไทย (เช่น Tarad, Weloveshopping) พ่ายแพ้ให้แก่ทุ่มตลาดของแพลตฟอร์มต่างชาติ (Shopee, Lazada, TikTok) ที่ใช้เม็ดเงินจำนวนมากดั๊มพ์ราคา ค่าบริการฟรี เพื่อฆ่าคู่แข่ง ทำให้ครองแบ่งตลาดในไทยได้แทบทั้งหมด และเมื่อผูกขาดได้สำเร็จจึงปรับขึ้นค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่องจาก 0% จนพุ่งสูงถึง 15-25%
  • วิกฤตสินค้าต่างชาติและปัญหาข้อมูล: สินค้าจีนทะลักเข้ามาแย่งตลาดโดยไม่เสียภาษี ทำให้ SME ไทยยิ่งขายยิ่งขาดทุน ซ้ำร้ายแพลตฟอร์มยังปิดกั้น ความเป็นเจ้าของข้อมูล (Data Ownership) ทำให้ผู้ขายไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้าไปต่อยอดธุรกิจได้
  • ความล้มเหลวของรัฐในอดีต: การสร้าง Marketplace ของหน่วยงานรัฐมากกว่า 20-30 แห่งที่ผ่านมาล้มเหลว เพราะบริหารแบบระบบราชการ ขาดคน ขาดงบการตลาด และขาดทิศทางธุรกิจที่ยั่งยืน

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนเสนอสร้าง OCN (Open Commerce Network) หรือ เครือข่ายการค้าไทยแบบเปิด โดยถอดบทเรียนจากความสำเร็จของโมเดล ONDC (Open Network for Digital Commerce) ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการสร้าง "โปรโตคอลมาตรฐานและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล" (Standard Protocol & Digital Infrastructure) ที่มีลักษณะเหมือนระบบ พร้อมเพย์ (PromptPay) สำหรับการค้าขาย:

  • การแยกฝั่งแต่ทำงานร่วมกัน (Unbundling & Interoperability): แยกส่วนระหว่างแอปฝั่งคนซื้อและคนขายออกจากกัน เพื่อป้องกันการผูกขาด ทำให้แอปพลิเคชันที่คนไทยใช้อยู่แล้ว (เช่น แอปธนาคาร หรือ แอปเป๋าตัง) สามารถค้นหาและสั่งซื้อสินค้าจากระบบจัดการร้านค้าใดก็ได้ที่เชื่อมต่อในเครือข่าย
  • สร้างความเป็นธรรมทางการค้า (Democratize Commerce): ลดค่าธรรมเนียมคนกลาง (GP) ลงมากกว่า 50% เพื่อให้ร้านค้าตัวเล็กๆ เข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติเพียงอย่างเดียว
  • มุ่งเน้นสินค้าในประเทศ (National Focus): สนับสนุนสินค้า SME, OTOP, สินค้าเกษตร และสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand) ให้เข้าถึงคนไทยทั่วประเทศด้วยต้นทุนต่ำที่สุด

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. จัดตั้งองค์กรบริหารจัดการแบบมืออาชีพ

  • จัดตั้งหน่วยงานรูปแบบบริษัทมหาชนจำกัด (รัฐวิสาหกิจ หรือ รัฐร่วมเอกชน) เพื่อความคล่องตัว โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก เช่น สสว., ไปรษณีย์ไทย, DGA และธนาคารรัฐ
  • จ้างทีมบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้าน อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) และ สตาร์ทอัพเทคโนโลยี (Tech Startup) มาขับเคลื่อนแทนระบบราชการเดิม

2. พัฒนาและเชื่อมต่อระบบ (Connect & Integrate)

  • ฝั่งผู้ซื้อ (Buyer Side): เชื่อมต่อ API กับ Super App ที่คนไทยใช้อยู่แล้ว เช่น แอป "เป๋าตัง", "ทางรัฐ", แอปธนาคาร (เช่น K+, SCB), ไปรษณีย์ไทย, AIS หรือ True ให้ประชาชนช้อปปิ้งได้ทันทีโดยไม่ต้องโหลดแอปใหม่
  • ฝั่งผู้ขาย (Seller Side): เชื่อมต่อกับระบบจัดการร้านค้า (SaaS/POS/ERP) ของเอกชนไทยที่ผู้ประกอบการใช้อยู่แล้ว เพื่อดึงข้อมูลสินค้าขึ้นระบบอัตโนมัติ
  • ฝั่งโครงสร้างพื้นฐาน: เชื่อมระบบขนส่งกับ ไปรษณีย์ไทย และเอกชนไทยเพื่อรองรับ การบริหารคลังสินค้าและจัดส่ง (Fulfillment) ในราคาประหยัด และใช้ระบบชำระเงินของธนาคารไทย
  • 3. ระยะทดสอบและขยายผล (Pilot & Scale)
    • ระยะที่ 1 (Sandbox 6 เดือนแรก): นำร่องในจังหวัดเป้าหมาย เช่น จันทบุรี และ ตราด เน้นสินค้าเกษตรและผลไม้เพื่อแก้ปัญหาราคาพืชผล
    • ระยะที่ 2: ขยายสู่สินค้า OTOP และ SME ทั่วประเทศ พร้อมดึงเอกชนรายใหญ่ (Retailers) และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเข้ามาร่วมในระบบนิเวศ

4. มาตรการจูงใจและสนับสนุนจากรัฐ (Incentives)

  • สนับสนุนผ่านนโยบายรัฐ: กำหนดให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (เช่น คนละครึ่งเฟสใหม่) ต้องใช้จ่ายผ่านระบบ OCN เพื่ออุดหนุนสินค้าไทยโดยตรง
  • สิทธิประโยชน์ด้านภาษี: มอบส่วนลดภาษีหรือค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสินค้า Made in Thailand ที่ขายผ่านระบบนี้