ยกระดับท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือดิจิทัล “เร็ว–ตรงเวลา–คาดการณ์ได้”

ยกระดับท่าเรือแหลมฉบังด้วยระบบดิจิทัลชุดเดียว เชื่อมข้อมูลเรียลไทม์ ตรวจปล่อยไว 24 ชั่วโมง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้ชุมชน

ยกระดับท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือดิจิทัล “เร็ว–ตรงเวลา–คาดการณ์ได้”

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ท่าเรือแหลมฉบัง (Laem Chabang Port) คือยุทธศาสตร์หลักที่เชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานไทยสู่ระดับโลก แต่ปัจจุบันประสิทธิภาพที่ยังไม่แน่นอนกำลังกลายเป็น “ต้นทุนแฝงของประเทศ”

  • สถิติสะท้อนความสำคัญ: จากข้อมูลของ การท่าเรือแห่งประเทศไทย 2566 ท่าเรือแหลมฉบังมีตู้สินค้าผ่านท่าระดับ 8.602 ล้านทีอียู และมีสินค้าผ่านท่าสูงถึง 95 ล้านตันต่อปี ความติดขัดเพียงเล็กน้อยจึงกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการและค่าครองชีพประชาชนทั้งระบบ
  • ขีดความสามารถในการแข่งขัน: รายงาน ดัชนีประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ (Logistics Performance Index - LPI 2023) โดย ธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่าไทยอยู่อันดับที่ 34 (3.5 คะแนน) ขณะที่ประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซียอยู่อันดับที่ 26 (3.6 คะแนน) โดยเฉพาะมิติความตรงเวลา (Timeliness) ที่ไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาเพื่อดึงดูดนักลงทุนรายใหม่
  • ผลกระทบต่อชุมชน: ความหนาแน่นของรถบรรทุกส่งผลโดยตรงต่ออุบัติเหตุบนท้องถนน ฝุ่นละออง และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ การพัฒนาท่าเรือจึงต้องควบคู่ไปกับความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

เราจะขับเคลื่อนโครงการความน่าเชื่อถือท่าเรือแห่งชาติ (National Port Reliability Program) ผ่านแพลตฟอร์มบริหารท่าเรือแห่งชาติ (National Port Management Platform) ที่บูรณาการทุกภาคส่วนไว้ในระบบเดียว ดังนี้:

1. สำนักงานความน่าเชื่อถือท่าเรือ (Port Reliability Office - PRO): หน่วยงานเจ้าภาพกลางที่รายงานตรงต่อรัฐบาล ทำหน้าที่วัดผล สั่งการ และรายงานประสิทธิภาพต่อสาธารณะ

2. ระบบบริหารกำกับท่าเรือ (Port Management System - PMS): ระบบส่วนกลางสำหรับกำกับดูแล ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (Key Performance Indicators - KPI) ในสัญญาสัมปทานและใบอนุญาตต่าง ๆ

3. ระบบชุมชนท่าเรือภาคบังคับ (Port Community System - PCS): ระบบปฏิบัติการดิจิทัลที่บังคับให้หน่วยงานรัฐและเอกชนใช้ข้อมูลชุดเดียวกันแบบ ตามเวลาจริง (Real-time)

พร้อมกันนี้ พรรคประชาชนจะดำเนิน “5 ชุดมาตรการหลัก” เพื่อแก้ปัญหาและทำให้ผลลัพธ์เกิดจริง ได้แก่

  1. ระบบเดียวทั้งท่า: ใช้ข้อมูลชุดเดียวแบบเรียลไทม์ ลดงานซ้ำและความผิดพลาดทั้งโซ่

  2. หน้าท่าไหลลื่น: คิวรถ ประตูท่า การชำระค่าธรรมเนียมเป็นระบบเดียว เพื่อ ลดคอขวด และ เพิ่มความโปร่งใส

  3. ตรวจปล่อยครั้งเดียวจบ: ตรวจร่วมทุกหน่วยงานตามความเสี่ยง ขยายเวลาทำงาน 7/24 และเชื่อมข้อมูลพิธีการ ลดความล่าช้าจากหลายหน่วยงานหลายคิว

  4. ท่าไม่แน่น: ระบายงานและตู้สู่หลังท่า–ราง–Dry Port และลานรองรับตู้ ลดภาระถนนและความแออัดในท่า

  5. ชุมชนอยู่ได้: ยกระดับความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และสวัสดิการคนขับในแนวเชื่อมต่อท่า ลดอุบัติเหตุ ลดผลกระทบชุมชน และทำให้ท่าเรือเติบโตได้ในระยะยาว

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

พรรคประชาชนจะขับเคลื่อนด้วยหลัก เน้นความน่าเชื่อถือเป็นอันดับแรก (Reliability-First) และ การบริหารจัดการชั้นเดียว (One Operating Layer) เพื่อลดความไม่แน่นอนของเวลา โดยบังคับให้ทุกภาคส่วนทำงานบนระบบและข้อมูลชุดเดียวกัน ภายใต้ แพลตฟอร์มบริหารท่าเรือแห่งชาติ (National Port Management Platform) ซึ่งประกอบด้วยมาตรการ 5 ชุดหลัก ดังนี้:

1. ระบบเดียวทั้งท่า: ระบบชุมชนท่าเรือ (Mandatory Port Community System - PCS)

เน้นการใช้ข้อมูลชุดเดียวตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อความแม่นยำและรวดเร็ว

  • มาตรฐานข้อมูลกลางท่าเรือ (Port Data Standard): กำหนดมาตรฐานการรายงานสถานะ เรือ-ตู้-รถ และใช้ รหัสอ้างอิงเดียว (Single ID) เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นสถานะเดียวกัน
  • การเชื่อมระบบด้วย API กลาง (API-First Integration): บังคับเชื่อมโยงระบบเดิม เช่น ระบบจัดการท่าเรือ (Terminal Operating System - TOS), ระบบจองคิวรถ, และระบบตรวจปล่อยของศุลกากร เข้ากับระบบ PCS เพื่อลดการกรอกข้อมูลซ้ำ
  • เอกสารดิจิทัลครบวงจร (Digital Document Flow): ผลักดันการใช้ ใบสั่งปล่อยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Release/e-DO) และ ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เพื่อให้การรับ-ส่งตู้ดำเนินไปได้โดยไม่สะดุด

2. หน้าท่าไหลลื่น: ระบบคิวและประตูท่าอัตโนมัติ (Integrated Truck & Gate)

จัดการจราจรและพิธีการหน้าท่าด้วยเทคโนโลยี เพื่อลดคอขวดและเพิ่มโปร่งใส

  • ระบบจองคิวรถบรรทุกภาคบังคับ (Mandatory Truck Appointment System): จัดสรรคิว (Slot) ตามความพร้อมหน้างานจริง และมีบทลงโทษกรณี ไม่มาตามนัด (No-show) หรือมาสาย
  • ประตูท่าและพื้นที่หน้าท่าอัตโนมัติ (Port Automation): ติดตั้งเทคโนโลยี การอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ (Automatic Number Plate Recognition - ANPR) และ การอ่านหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ (Optical Character Recognition - OCR) เพื่อความรวดเร็วและแม่นยำ
  • การชำระเงินจุดเดียว (Single Port Payment): ชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มาตรฐานเดียว เชื่อมต่อด้วย API กลาง
  • หน้าท่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Gate & Eco-Queue): สนับสนุนรถมลพิษต่ำ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถมาตรฐานยูโร (Euro) ระดับสูง พร้อมจัดการพื้นที่สีเขียวแนวกั้นเสียงรอบหน้าท่า

3. ตรวจปล่อยครั้งเดียวจบ: ตรวจร่วมตามความเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง (Coordinated Clearance & 24/7)

บูรณาการการทำงานของหน่วยงานรัฐให้เป็นเนื้อเดียว

  • การนัดหมายตรวจร่วม (Single Inspection Scheduling): บูรณาการ กรมศุลกากร (Thai Customs) และหน่วยงานอื่นให้นัดตรวจพร้อมกันในระบบเดียว
  • การตรวจสอบตามความเสี่ยง (Risk-based Inspection): ลดการสุ่มตรวจกลุ่มเสี่ยงต่ำ และผลักดัน การตรวจปล่อยสินค้าล่วงหน้า (Pre-arrival Clearance) ตั้งแต่สินค้ายังไม่ถึงท่า
  • ปฏิบัติงาน 24/7 จริง: ระบบอนุมัติและปล่อยตู้เดินต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน พร้อมงบปฏิบัติการและกำลังคนรองรับ

4. ท่าไม่แน่น: บริหารศักยภาพหลังท่าและทางราง (Rail-Dry Port & Off-dock Capacity)

ระบายความแออัดออกจากพื้นที่ปฏิบัติการหลัก

  • ลานวางตู้กลาง (Central Buffer Yard): สร้างพื้นที่กันชน (Buffer) เพื่อลดความหนาแน่นในท่า
  • การขนส่งทางรางและท่าเรือบก (Port Rail Shuttle & Dry Port Network): เพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางเพื่อระบายสินค้าออกจากถนน
  • การติดตามการเดินทางเดียว (One Journey Tracking): เชื่อมโยงข้อมูล PCS กับ สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (Inland Container Depot - ICD) ให้การย้ายและส่งมอบเป็นเส้นทางเดียว

5. ชุมชนอยู่ได้: ถนนปลอดภัยและสวัสดิการคนขับ (Safe & Livable Port Corridor)

  • พัฒนาคุณภาพชีวิตควบคู่ไปกับการเติบโตของท่าเรือ
  • ยกระดับความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Upgrade): ปรับปรุงถนน ป้ายจราจร และแก้ไข จุดตัดทางรถไฟ (Rail Crossing Fix) เพื่อลดอุบัติเหตุ
  • จุดบริการและพื้นที่พักคอย (Driver Service & Rest Area): จัดระบบสุขาภิบาล ห้องน้ำ และพื้นที่พักสำหรับพนักงานขับรถ เชื่อมต่อกับระบบคิวดิจิทัลอย่างเป็นระเบียบ

กลไกกำกับดูแลและงบประมาณเร่งด่วน (6-12 เดือนแรก)

พรรคประชาชนจะแก้ไขข้อบังคับภายใต้ พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อผูก ดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ (Key Performance Indicators - KPI) เข้ากับสัญญาสัมปทาน และเปิดเผยผลงานผ่าน แผงควบคุมข้อมูล (Dashboard) ต่อสาธารณะรายเดือน

ประมาณการงบประมาณ (รวม 1,600 - 2,500 ล้านบาท):

1. 800 - 1,000 ล้านบาท: ระบบ PCS แกนกลาง และระบบรายงานผลดิจิทัล

2. 300 - 500 ล้านบาท: ระบบคิวรถและประตูอัตโนมัติที่ทันสมัย

3. 300 - 500 ล้านบาท: ระบบตรวจปล่อยสินค้าล่วงหน้าและการทำงานแบบ 24/7

4. 300 - 500 ล้านบาท: ปรับปรุงถนน จุดเสี่ยง และจัดทำจุดพักรถ (Rest Area) มาตรฐาน