การเข้าถึงน้ำสะอาดคือสิทธิพื้นฐาน แต่ปัจจุบันคนไทยนับสิบล้านคนยังถูกทิ้งไว้ข้างหลังด้วยระบบน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน:
• ความเหลื่อมล้ำในระบบบริการ: ประชาชนในเขตเมืองเข้าถึง การประปานครหลวง และ การประปาส่วนภูมิภาคที่มีคุณภาพ แต่คนนอกพื้นที่กลับต้องเผชิญกับน้ำขุ่น น้ำไหลไม่ต่อเนื่อง หรือต้องเปิด-ปิดเป็นเวลา
• ภาระต้นทุนครัวเรือน: หลายครอบครัวต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่ม ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ และเครื่องสูบน้ำเองเพื่อเอาตัวรอด กลายเป็นต้นทุนแฝงที่ซ้ำเติมความยากจน
• วิกฤตสุขภาพทางกาย: น้ำที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐานกรมอนามัย เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) และ อีโคไล (E. coli) ซึ่งทำลายระบบทางเดินอาหาร รวมถึงแร่ธาตุและสารพิษสะสมที่ส่งผลต่ออวัยวะภายในระยะยาว
เราจะทำให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงน้ำประปาคุณภาพดื่มได้เสมอภาคกันทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 8 ปี ผ่านแนวทางหลักดังนี้:
1. จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลอิสระ: ผลักดันให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำ ออกใบอนุญาต และตรวจสอบผู้ประกอบการอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานสากล
2. แผนพัฒนาพื้นที่นอกเขตบริการ: จัดทำแผนแม่บทพัฒนาระบบประปาท้องถิ่น ครอบคลุมการหาแหล่งน้ำดิบ การลงทุนโรงผลิต และระบบท่อส่งน้ำที่คำนวณผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน
3. สร้างอุตสาหกรรมการจัดการน้ำไทย: ใช้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐสร้าง ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของคนไทย ตั้งแต่การออกแบบระบบ ผลิตอุปกรณ์ ไปจนถึงการบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นสูง
• กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น: ดึง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ออกแบบข้อเสนอทางวิศวกรรมจนถึงการบริหารจัดการ เพื่อให้ชุมชนมีความเป็นเจ้าของและสามารถดูแลระบบได้เองอย่างยั่งยืน
• ยกระดับด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่:
• ใช้ เซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพน้ำ (Water Quality Sensors) ติดตามผลแบบเรียลไทม์
• ติดตั้ง พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในโรงผลิต
• ใช้ ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation System) ในการปรุงน้ำและจ่ายน้ำ เพื่อลดข้อผิดพลาดและกำลังคน
• ตรากฎหมายใหม่: ผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประปาแห่งชาติ เพื่อเป็นกลไกทางกฎหมายในการควบคุมคุณภาพน้ำและกำกับดูแลผู้ประกอบการทั่วประเทศ
• บูรณาการข้ามกระทรวง: ร่วมกับ กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการไทยให้มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ไม่พึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
• งบประมาณ: จัดสรรงบประมาณรวม 75,000 ล้านบาท ภายใน 8 ปี รัฐอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนเองทั้งหมด อาจดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนและดำเนินการในกรณีที่มีความเหมาะสม