ลงทุนปีละ 60,000 ล้าน ปฏิรูปการจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ

ลงทุนปีละ 60,000 ล้านบาท เปลี่ยนการจัดการเป็นรายลุ่มน้ำ ปฏิรูปกฎหมาย แผนแม่บท ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอัจฉริยะ แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแรงอย่างยั่งยืน

ลงทุนปีละ 60,000 ล้าน ปฏิรูปการจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ

ทำไมต้องแก้ปัญหา (Why)

ปัญหาการจัดการน้ำในประเทศไทยเป็นวิกฤตเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน วงจร "น้ำท่วมซ้ำซากสลับน้ำแล้งซ้ำซาก" สร้างความเสียหายมหาศาลต่อทั้งเกษตรกรนอกเขตชลประทานและพื้นที่เขตเมือง ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการบริหารที่ขาดเอกภาพ มีหน่วยงานและกฎหมายที่ซ้ำซ้อน 

1.ขาดเอกภาพในการบริหาร: แม้จะมี สทนช. เป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่หน่วยปฏิบัติอย่าง กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำ และ กฟผ. ยังมีอำนาจและงบประมาณแยกขาดจากกัน ทำให้การกักเก็บและระบายน้ำขาดความต่อเนื่อง

2. ระบบระบายน้ำล้าสมัย: พื้นที่เขตเมืองไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

3. ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำ: เกษตรกรส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเขตชลประทานต้องพึ่งพาเพียงน้ำฝน ขาดระบบกักเก็บและกระจายน้ำชลประทานที่มีประสิทธิภาพ

พรรคประชาชนจะทำอะไร (What)

พรรคประชาชนเสนอการปรับโครงสร้างเพื่อผลักดันให้การจัดการน้ำเป็นภารกิจที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ดังนี้

เสริมอำนาจ สทนช. (Streamlining Authority): ยกระดับให้เป็น "องค์กรกำกับดูแลและสั่งการน้ำแห่งชาติ" มีอำนาจเหนือหน่วยปฏิบัติการหลักในการสั่งจัดสรรและบริหารน้ำ จัดโครงสร้างหน่วยงานภายในใหม่ตาม "รายลุ่มน้ำ" แทนการแบ่งตามหน้าที่

หน่วยปฏิบัติการรายลุ่มน้ำ (Basin-based Management): ควบรวมหน่วยงานปฏิบัติการเดิมให้เป็นหน่วยเดียวตามเขตลุ่มน้ำ รับผิดชอบเบ็ดเสร็จตั้งแต่การจัดเก็บ, การระบาย, การลงทุน , การบำรุงรักษาระบบ และการป้องกันน้ำท่วม

จัดงบประมาณตามลุ่มน้ำ (Single Water Budget): จัดทำงบประมาณรายจ่ายด้านน้ำแบบลุ่มน้ำ (Single Water Budget) ที่ผ่านการกลั่นกรองและอนุมติจากคณะกรรมการลุ่มน้ำ ก่อนเสนอ ครม. เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการแก้ไขปัญหาตามลำดับความสำคัญของแต่ละลุ่มน้ำ ไม่ใช่ตามอำนาจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (How)

1. แก้ไขกฎหมาย: แก้ไข พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ในหมวดที่มาและอำนาจของคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อสร้างเอกภาพในการจัดการและให้มาจากการรับผิดชอบทางการเมือง

2. แผนแม่บทลุ่มน้ำใหม่: พรรคประชาชนจะจัดทำแผนแม่บทที่ใช้การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ แทนแผนแม่บทปัจจุบันที่ขาดการจัดลำดับความสำคัญของโครงการอย่างชัดเจน

3. ยกระดับด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อช่วยเก็บข้อมูลและการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น:

  • ใช้ Lidar และโดรนผิวน้ำ สำรวจพื้นใต้น้ำ

  • ลงทุนระบบประตูน้ำอัตโนมัติ

  • ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ช่วยตัดสินใจในการบริหาร

  • ลงทุนในระบบฐานข้อมูลน้ำแบบเรียลไทม์ (Real-time Water Data Platform) 

  • เทคโนโลยีพยากรณ์น้ำในระดับพื้นที่ (GIS) เพื่อให้ข้อมูลการใช้น้ำและคาดการณ์สถานการณ์น้ำไปถึงมือเกษตรกรและชุมชนอย่างรวดเร็วและแม่นยำ 

4. บูรณาการผังเมือง: ร่วมมือกับกรมผังเมืองและกรมที่ดิน บังคับใช้กฎหมายผังเมือง และการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำระดับลุ่มน้ำ เพื่อป้องกันการรุกล้ำทางน้ำและพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง)

5. จัดสรรงบประมาณจัดการน้ำปีละ 60,000 ล้านบาท โดยเน้นจ้างงานและส่งเสริมเอกชนไทยให้พัฒนาเทคโนโลยีการจัดการน้ำของคนไทยเอง

• ในระยะต้น รัฐบาลพรรคประชาชนจะมีการจัดสรรเงินทุนสนับสนุนการจัดการลุ่มน้ำย่อย สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อปท ละ 2-3 ล้านบาท/ปี แต่ต้องมีกระบวนการวางแผนและให้ อปท ทั้งหมดในลุ่มน้ำย่อยนั้นเห็นชอบร่วมกัน โดยจะมีทีมวิชาการที่เข้าไปช่วยจัดทำผังน้ำชุมชน ช่วยวางแผน และประเมินผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในลุ่มน้ำย่อยนั้นเป็นภาพรวม