ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่อย่างรุนแรง: การกระจายตัวของแหล่งเรียนรู้ในไทยมีความแตกต่างกันมหาศาล ส่งผลต่อความยากง่ายในการเข้าถึงของประชาชนแต่ละพื้นที่ ยกตัวอย่างการสำรวจของ The Urbanis
ห้องสมุด: จังหวัดที่มีมากที่สุดกับจังหวัดที่ขาดแคลน ต่างกันถึง 14 เท่า สะท้อนผ่านจำนวนห้องสมุดในปัตตานี (ห้องสมุด 1 แห่งต่อประชากร 339,400 คน) กับจำนวนห้องสมุดในกรุงเทพฯ (ห้องสมุด 1 แห่งต่อประชากร 24,094 คน)
พื้นที่นันทนาการ: ความเหลื่อมล้ำสูงถึง 33 เท่า สะท้อนผ่านจังหวัดภูเก็ต (พื้นที่นันทนาการ 1 แห่งต่อประชากร 6,719 คน) กับปัตตานี (พื้นที่นันทนาการ 1 แห่งต่อประชากร 226,330 คน)
ระยะทางคืออุปสรรคสำคัญ: ผลสำรวจพบว่าเยาวชนเกือบ 50% ไม่ได้ไปแหล่งเรียนรู้เพราะ "การเดินทาง" โดยเฉลี่ยต้องเดินทางไกลถึง 12-26 กิโลเมตร เพื่อเข้าถึงห้องสมุดหรือพิพิธภัณฑ์ ทำให้การเรียนรู้กลายเป็นภาระค่าใช้จ่าย
แหล่งเรียนรู้ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ: เยาวชนแต่ละช่วงวัยต้องการพื้นที่ที่ต่างกัน (มัธยมต้องการสนามกีฬา, มหาวิทยาลัยต้องการห้องสมุด, วัยทำงานต้องการพิพิธภัณฑ์และ Co-working Space) แต่พื้นที่เหล่านี้กลับมีไม่เพียงพอและไม่ตรงตามความสนใจของคนในพื้นที่
เรามุ่งหวังให้มี "แหล่งเรียนรู้คุณภาพอยู่ใกล้บ้าน" ผ่าน 3 กลไกหลัก:
กองทุนร่วมลงทุน (Matching Fund): รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 1,000 ล้านบาท/ปี ร่วมกับท้องถิ่นและภาคประชาสังคม เพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้ใหม่ 200 แห่ง และปรับปรุงของเดิม 500 แห่งทั่วประเทศ
แรงจูงใจทางภาษีสำหรับเอกชน: เปิดทางให้เอกชนมีส่วนร่วม โดยลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากนำพื้นที่มาเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้สาธารณะ
ทั้งนี้การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีที่ดินดังกล่าว จะขึ้นอยู่กับว่ามีการเก็บค่าเข้าชมสำหรับเยาวชนหรือไม่ ในอัตราใด กำหนดระยะเวลาที่เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้นานเพียงใด ซึ่งจะมีการกำหนดรายละเอียดต่อไป
แหล่งเรียนรู้สัญจร (Learning Bus/Expo): ในระยะสั้นจะเพิ่มแหล่งเรียนรู้หรือนิทรรศการการเรียนรู้ “แบบสัญจร” ในประเด็นต่างๆ (เช่น ดาราศาสตร์ ธรณีวิทยา บอร์ดเกม)
จำนวนประมาณ 2,000 ครั้ง/ปี ทั่วประเทศ เฉลี่ยอย่างน้อยอำเภอละ 2 ครั้ง/ปี
งบประมาณทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท
จัดตั้งงบอุดหนุนเฉพาะกิจ (ภายในปีงบประมาณ 2570): สร้างช่องทางงบประมาณที่ท้องถิ่นสามารถขอรับการสนับสนุนเพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว
ปรับกฎหมายภาษี: แก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่ดินฯ เพื่อจูงใจด้วยมาตรการลดหย่อนภาษี ให้เอกชนปรับเปลี่ยน “พื้นที่ของเอกชน” เป็น “แหล่งเรียนรู้ของสาธารณะ”
ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญ: ร่วมมือกับสถาบันเฉพาะทาง (เช่น อพวช., สถาบันดาราศาสตร์ฯ, สมาคมบอร์ดเกม) จัดนิทรรศการสัญจร 2,000 ครั้ง/ปี เพื่อให้เด็กทุกอำเภอได้สัมผัสประสบการณ์จริงอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ภาคการศึกษาปลายของปีการศึกษา 2569
เชื่อมโยงกับ "คูปองเปิดโลก": ใช้ระบบคูปองมาอุดหนุนฝั่งผู้เรียน (Demand-side) เพื่อให้เด็กๆ มีกำลังทรัพย์ในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่มีค่าใช้จ่าย (เช่น ค่าอุปกรณ์หรือค่าคอร์ส) กระตุ้นให้แหล่งเรียนรู้เกิดการพัฒนาคุณภาพเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน