ปฏิรูปค่าตอบแทนครู: ดึงดูดคนเก่ง คุ้มครองคนทำงาน

ครูมีความสำคัญต่อการสร้างอนาคตของประเทศ แต่เมื่อผลตอบแทนและสวัสดิการของอาชีพไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพและภาระงาน การศึกษาไทยจึงเสี่ยงต่อการสูญเสียบุคลากรที่มีศักยภาพ

ปฏิรูปค่าตอบแทนครู: ดึงดูดคนเก่ง คุ้มครองคนทำงาน

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

  1. กับดักเงินเดือนเริ่มต้นและหนี้สิน: แม้จะมีการปรับฐานเงินเดือน แต่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพในปัจจุบัน เงินเดือนเริ่มต้นยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ

  2. วิกฤต "หนี้สินครู”: เมื่อรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ครูจึงต้องกู้ยืม (เช่น ยืมผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ครู) ส่งผลให้ครูจำนวนมากติดอยู่ในวงจรหนี้สินสะสม

    • สาเหตุของการกู้ บางครั้งไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่กู้เพื่อซื้อสื่อการสอนหรือซ่อมแซมห้องเรียน เพราะงบประมาณจากส่วนกลางจัดสรรมาไม่เพียงพอหรือล่าช้า

  3. วิกฤตความมั่นคงของ "กลุ่มคนที่ถูกลืม": บุคลากรสนับสนุน เช่น ธุรการและภารโรง รวมถึงครูอัตราจ้างจำนวนมาก ถูกจ้างในรูปแบบ "จ้างเหมาบริการ" ที่ไม่มีสวัสดิการเหมือนข้าราชการ และค่าจ้างต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ความไม่มั่นคงนี้ทำให้เกิดการลาออกบ่อยครั้งจนขาดความต่อเนื่องในการดูแลโรงเรียนและนักเรียน 

    • แม้ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานของพรรคประชาชน จะมีเนื้อหาที่แก้ปัญหานี้แล้วบางส่วน แต่เราไม่ทราบได้ว่า ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาชน การบังคับใช้กฎหมายจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ของครูอัตราจ้างหรือไม่
  4. ภาระงานที่ "เกินคุ้ม" (Overload & Underpaid): ครูไทยต้องแบกรับงานที่ไม่ใช่การสอน (Non-teaching tasks) เช่น งานพัสดุ งานการเงิน และงานอาคารสถานที่ เมื่อคำนวณค่าตอบแทนต่อชั่วโมงทำงานจริง จะพบว่าต่ำกว่ามาตรฐานวิชาชีพชั้นสูงอื่น ๆ อย่างมาก

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

เรามุ่งเน้นการสร้าง "ทางเลือกใหม่" และการดูแลบุคลากรให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ดังนี้:

  1. เพิ่มทางเลือกบรรจุครูแบบ "ฐานเงินเดือนสูง" 

    • เริ่มต้นที่ 22,000 บาท/เดือน (หลังผ่านช่วงครูผู้ช่วย) เพื่อแข่งขันกับภาคเอกชนและดึงดูดคนเก่งเข้าสู่ระบบ โดยแลกกับการไม่มีสิทธิบำนาญ 

    • เป็นทางเลือกสำหรับ “ผู้สมัครใจ” เท่านั้น ไม่มีผลต่อข้าราชการครูเดิมที่บรรจุอยู่แล้ว

  2. สร้างวิทยฐานะสายบริหารควบคู่วิทยฐานะสายวิชาการ: กำหนดให้หัวหน้าฝ่ายงานในโรงเรียน (เช่น ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายแผนงาน) เป็นตำแหน่งที่ครองวิทยฐานะ คศ.3 สายบริหาร

  3. เลื่อนวิทยฐานะยึดโยงประสิทธิภาพ: การเลื่อนวิทยฐานะให้ตัดสินโดยกลุ่มโรงเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียน ให้สัมพันธ์กับประสิทธิภาพการสอนของครู และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน มีวงจรการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

  4. เงินเพิ่มพิเศษเพื่อความเป็นธรรม (Incentives): จัดสรรเงินสนับสนุนพิเศษให้กับครูและบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่เข้าถึงยาก 

  5. สวัสดิการบุคลากรสนับสนุน: กำหนดให้แต่ละโรงเรียนได้อัตราบุคลากรที่จำเป็น เช่น ภารโรง ธุรการ และผลักดันให้เปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานจาก "จ้างเหมาบริการ" เป็น "ลูกจ้างชั่วคราว” (เป็นอย่างน้อย) เพื่อให้มีสวัสดิการตามกฎหมาย มีเงินเดือนที่เติบโตตามอายุงาน มีความมั่นคงในอาชีพ

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

  1. แก้ไขกฎหมายเงินเดือน

    • ปรับปรุง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นตํ่าและขั้นสูงแบบใหม่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

    • เมื่อกฎหมายผ่านสภาแล้ว มอบหมาย กคศ. ออกแนวทางการรับสมัครสอบบรรจุข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เข้าสู่ตำแหน่งแบบใหม่  พร้อมออกแบบวิธีการสลับเส้นทางอาชีพของข้าราชการครู จากแบบเดิมสู่แบบใหม่ โดยสมัครใจ

  2. แก้ไขกฎหมายสร้างวิทยฐานะสายบริหารควบคู่วิทยฐานะสายวิชาการ

    • ปรับปรุง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อกำหนดผู้ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ให้ครองวิทยฐานะ คศ.3 พร้อมกำหนดค่าตอบแทน 

    • กคศ. ออกหลักเกณฑ์ วิธีพิจารณา เลื่อนวิทยฐานะข้าราชการครูบรรจุเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ

  3. แก้ไขกฎหมายให้เงินพิเศษ (Incentive) แก่ครู

    • ปรับปรุง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่รัฐต้องจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้กับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยห่างไกล

  4. ปฏิรูปการประเมินวิทยฐานะโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน:

    • กคศ. ออกเกณฑ์ใหม่ที่เปิดให้กลุ่มโรงเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีส่วนร่วมในการประเมิน เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทจริงของแต่ละพื้นที่

    • กำหนดให้เกณฑ์การตัดสินพิจารณาจากประสิทธิภาพการสอนของครู พัฒนาการของนักเรียน ความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน และการสร้างสรรค์นวัตกรรมการสอนของครูเป็นสำคัญ

    • ทำหนังสือซักซ้อมและสื่อสารร่วมกับศึกษานิเทศก์ ทั้งในระดับเขตพื้นที่และหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในการสนับสนุนการเลื่อนวิทยฐานะแบบใหม่

  5. ปรับสัดส่วนงบประมาณจ้างงาน: ผลักดันให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดอัตราลูกจ้างชั่วคราว พนักงานราชการ เท่าที่จำเป็นต่อการปฎิบัติงาน เพื่อเปลี่ยนสัญญาจากจ้างเหมา เป็นลูกจ้างที่ได้ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เป็นธรรม