จัดทำระบบการศึกษาไร้รอยต่อ

เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกให้หมุนเร็วขึ้น แต่ระบบการศึกษาไทยยังยึดติดกับรูปแบบเดิม จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนสู่ระบบ 'การศึกษาไร้รอยต่อ' ที่ทำให้การเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน

จัดทำระบบการศึกษาไร้รอยต่อ

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้การเรียนรู้ของคนเปลี่ยนไปทั้งกระบวนการและรูปแบบ การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ระบบการศึกษาไทยไม่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งมีสาเหตุหลัก 3 ประการ:

  1. การเรียนรู้แบบ “แยกโลก": ผู้เรียนต้องใช้ชีวิตอยู่ในสองโลกที่แทบไม่เชื่อมโยงกัน คือโลกในห้องเรียนที่เน้นวิชาการตามตำรา และโลกนอกห้องเรียนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์จริง ความแยกส่วนนี้ทำให้ผู้เรียนรู้สึกอึดอัดและไม่สามารถดึงศักยภาพออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่

  2. กับดักความเหลื่อมล้ำข้ามรุ่น: ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้เยาวชนจำนวนมากต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เมื่อพวกเขาเข้าไม่ถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ โอกาสในการยกระดับฐานะก็หายไป เกิดความเสี่ยงที่จะส่งต่อ "ความยากจนข้ามรุ่น" ต่อไปไม่รู้จบ

  3. ทรัพยากรที่ถูกมองข้าม: สังคมไทยมี "ครู" ที่อยู่นอกโรงเรียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปราชญ์ชาวบ้าน หรือกลุ่มภาคประชาสังคมที่จัดเทศกาลการเรียนรู้อยู่เสมอ แต่ความรู้เหล่านี้กลับไม่เคยถูกนับรวมหรือให้ค่าในระบบการศึกษาหลัก

 

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง "ระบบการศึกษาแบบไร้รอยต่อ" (Seamless Education System) ที่เชื่อมโยงความรู้จากทุกแหล่งเข้าด้วยกัน โดยมี 4 องค์ประกอบสำคัญ:

  • แพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ: ฐานข้อมูลดิจิทัลที่รวบรวมหลักฐานและผลงานการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อนำมาวิเคราะห์และออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ (Learning Path) ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและแต่ละพื้นที่

  • ผู้แนะนำหลักสูตร (Curriculum Navigator): ต้องมีผู้ดูแลการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดแค่ในโรงเรียน แต่รวมถึงศูนย์การเรียนรู้หรือบ้านเรียน (Home School) ที่คอยวางแผนการเรียนให้สอดคล้องกับชีวิตจริงของผู้เรียน

  • วิชาหรือกิจกรรมการเรียนรู้: เปิดกว้างให้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกและสถานประกอบการสามารถเสนอตนเป็นผู้จัดหลักสูตร (Course Organizers) เทียบเคียงเป็นหนึ่งวิชาที่ผู้เรียนสามารถนำไปประกอบเครดิตในหลักสูตรที่ผู้แนะนำหลักสูตรวางไว้ได้

  • หน่วยเทียบเคียงประสบการณ์การเรียนรู้:

    • จัดตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประเมินและรับรองผลการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อบันทึกลงในแพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ โดยเน้นผลลัพธ์เชิงประจักษ์มากกว่าการยึดติดกับคุณค่าหรือทัศนคติรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

    • บุคลากรในหน่วยงานนี้ควรมีการทำงานด้านการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการศึกษาที่ไร้รอยต่อ จะดำเนินการผ่านมาตรการเชิงโครงสร้างและงบประมาณ ดังนี้:

  1. วางรากฐานระบบใหม่: พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติและหน่วยเทียบเคียงประสบการณ์ให้พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบภายในปีการศึกษา 2570

    • รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้มีการจัดหลักสูตรเฉพาะทาง เช่น สุขภาพจิตเยาวชน, การป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ และภาษาต่างประเทศ รวมถึงการนำสื่อการเรียนรู้จากต่างประเทศ มาให้ผู้สอนและผู้เรียนใช้งานผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้

  2. สนับสนุนบุคลากร: จัดทำระบบพัฒนาเทคนิคการจัดการศึกษาและการจัดการเรียนรู้ใหม่ๆ ให้แก่ผู้แนะนำหลักสูตร (Curriculum Navigator) ผู้จัดหลักสูตร (Course Organizers) ครูในระบบ และผู้สนใจนอกระบบ เช่น ครูในระบบจะได้รับงบ 5,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อใช้ยกระดับการจัดการศึกษา

  3. คืนอำนาจการเลือกให้ผู้เรียน (Demand-side Financing): จัดสรร "คูปองการเรียนรู้" (เช่น 2,000 บาท/คน/ปี) ให้เยาวชนสามารถเลือกเรียนวิชาหรือกิจกรรมที่ตนเองสนใจได้อย่างอิสระ ตามแผนที่วางไว้ร่วมกับผู้แนะนำหลักสูตร

  4. จัดการเรียนรู้เหมาะสมกับพื้นที่: รัฐบาลสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะ อบจ. และเทศบาล มีส่วนร่วมในการจัดหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่/กลุ่มวัฒนธรรม/กลุ่มกิจกรรม