บริบทการค้าข้าวในตลาดโลกกำลังเปลี่ยนไป ประเทศคู่แข่งที่สำคัญบางประเทศกำลังเร่งพัฒนาตลาด "ข้าวคาร์บอนต่ำ" (Low-Carbon Rice) เพื่อตอบสนองต่อกระแสความยั่งยืน ในขณะที่กระบวนการผลิตข้าวของประเทศไทยในปัจจุบันยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง ซึ่งอาจกลายเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคต
นอกจากเหตุผลด้านการแข่งขันทางการค้าและสิ่งแวดล้อมแล้ว นโยบายนี้ยังมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร เพราะการปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวเพื่อลดโลกร้อนนั้น มีผลพลอยได้สำคัญคือการช่วย "ลดต้นทุนการผลิต" ลงมาได้ด้วย ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของความยากจนในภาคเกษตร
นโยบายนี้มุ่งเน้นการแทรกแซงกลไกตลาดและการผลิตผ่าน 2 มาตรการหลัก คือ:
มาตรการสนับสนุนด้านการผลิต (Supply Side): รัฐบาลจะให้การสนับสนุนเงินทุนแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ ในอัตรา 500 บาทต่อไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนค่าเมล็ดพันธุ์คุณภาพและการปรับปรุงระบบการจัดการน้ำในแปลงนาให้เหมาะสมกับการลดการปล่อยก๊าซ
มาตรการด้านการตลาด (Demand Side): รัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการ "เริ่มการตลาดข้าวคาร์บอนต่ำ" โดยตั้งเป้าหมายปริมาณการตลาดไว้ที่ 1 ล้านตัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผลผลิตที่เกษตรกรผลิตได้จะมีตลาดรองรับที่แน่นอน
การขับเคลื่อนนโยบายใช้วิธีการ "ต่อยอด" จากฐานเดิมของนโยบายจัดการดินและปุ๋ย โดยกำหนดเงื่อนไขและวิธีการดังนี้:
การคัดเลือกเกษตรกร: เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการจัดการดินและปุ๋ยใน "ขั้นที่ 2" ขึ้นไป (คือกลุ่มที่ไม่เผาและใช้ปุ๋ยแม่นยำ/เพิ่มอินทรีย์วัตถุ)
การปรับเปลี่ยนกระบวนการ: เกษตรกรต้องปรับระบบการจัดการน้ำในแปลงนา (เช่น การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง) เพื่อลดการเกิดก๊าซมีเทน
การใช้เทคโนโลยี: มีการนำ "แอปพลิเคชัน" มาใช้ในการติดตามปริมาณคาร์บอน (Carbon Tracking) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรับรองมาตรฐาน
การจัดการตลาด: รัฐบาลเตรียมตลาดรองรับข้าวคาร์บอนต่ำจำนวน 1 ล้านตัน โดยครอบคลุมทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ
เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ รัฐบาลได้กำหนดขั้นตอนการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายไว้ 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:
การเตรียมระบบและบูรณาการหน่วยงาน: ภาครัฐจะประสานงานความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ได้แก่ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.), กรมส่งเสริมการเกษตร, GISTDA (เทคโนโลยีอวกาศ), สวทช. (วิทยาศาสตร์), และ GIZ (ความร่วมมือระหว่างประเทศ) เพื่อวางระบบการเปิดรับเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ
การกำหนดพื้นที่เป้าหมาย (Zoning): ดำเนินการกำหนดพื้นที่สำหรับการติดตามและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำและการควบคุมคุณภาพทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสนับสนุนและตรวจสอบ (Support & Monitor): ดำเนินการจ่ายเงินสนับสนุน 500 บาท/ไร่ ให้แก่เกษตรกร พร้อมทั้งดำเนินการตรวจติดตามการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่แปลงนาอย่างเป็นระบบ
นโยบายนี้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ที่ชัดเจนภายในกรอบระยะเวลา 2 ปี ไว้ 3 ประการ
เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม: สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ดำเนินการให้ได้มากกว่า 25% ซึ่งคิดเป็นปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมประมาณ 2 ล้านตัน
เป้าหมายด้านเศรษฐกิจเกษตรกร: สามารถลดต้นทุนการผลิตในพื้นที่ดำเนินการลงได้อย่างน้อย 10%
เป้าหมายด้านการค้า: สามารถเปิดตลาดข้าวคาร์บอนต่ำได้สำเร็จ ทั้งในเวทีตลาดโลกและตลาดภายในประเทศ
มีการกำหนดงบประมาณสนับสนุนโดยตรงที่อัตรา 500 บาทต่อไร่ เพื่อสนับสนุนค่าเมล็ดพันธุ์และการปรับปรุงการจัดการน้ำในแปลงนา โดยมีรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณรายปีดังนี้:
สรุปภาพรวม 2 ปีวางแผนใช้งบประมาณสำหรับนโยบายข้าวลดโลกร้อนรวมทั้งสิ้น 1,250 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เกิดพื้นที่ปลูกข้าวคาร์บอนต่ำรวม 2 ล้านไร่ภายในปี 2571