ส่งเสริมเทคโนโลยีเก็บรักษา โลจิสติกส์ แปรรูป

ส่งเสริมเทคโนโลยีเก็บรักษา โลจิสติกส์ แปรรูป

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ประเทศไทยได้รับการขนานนามว่าเป็น "ครัวของโลก" แต่ภายใต้ความสำเร็จนั้น กลับซ่อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งปัญหาราคาตกต่ำ การสูญเสียผลผลิต และการขาดแคลนเทคโนโลยี จากข้อจำกัดดังกล่าว พรรคประชาชนได้พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายการส่งเสริมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรไทยให้มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงขึ้น

เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและปลดล็อกศักยภาพของภาคเกษตรไทย นโยบายนี้ได้กำหนดวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการ ดังนี้

  • เพื่อลดการสูญเสียในกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่จำเป็น เช่น ระบบห้องเย็น และเทคโนโลยีลดอุณหภูมิ (Pre-cooling) เพื่อยืดอายุและรักษาคุณภาพของผลผลิต โดยเฉพาะผักและผลไม้ ซึ่งมีความเปราะบางและเสียหายได้ง่ายระหว่างการขนส่งและการเก็บรักษา

  • เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร: สร้างกลไกดูดซับอุปทานส่วนเกินตามฤดูกาลเข้าสู่กระบวนการแปรรูปและจัดเก็บ เพื่อป้องกันปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก และสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้แก่เกษตรกร

  • เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร: สนับสนุนการวิจัย พัฒนา และลงทุนในเทคโนโลยีการแปรรูปขั้นสูง เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบทางการเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่ตอบสนองต่อแนวโน้มตลาดโลก เช่น อาหารแห่งอนาคต (Future Food) ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และสินค้าที่มีนวัตกรรม

  • เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ส่งเสริมการนำผลผลิตและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ พลังงานทางเลือก และเส้นใยธรรมชาติ เพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม

เราจะทำอะไร (WHAT)

  • ใช้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กองทุน SMEs และกองทุน ววน. เป็นตัวหลักในการพัฒนานวัตกรรม และตลาดใหม่ๆ อย่างเป็นระบบ โดยเน้นอุตสาหกรรมอาหาร ยา/สมุนไพร และพลาสติกชีวภาพ รวมถึงการส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ

  • ใช้เงินกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกรในดูดซับผลผลิตส่วนเกิน เพื่อทำการแปรรูป โดยมีการทำข้อตกลงไว้ก่อนช่วงฤดูกาลผลผลิต ตามการคาดการณ์ผลผลิตและตลาดในแต่ละปี

  • สนับสนุนเงินอุดหนุนในการจัดการของเสียและของเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ในแปรรูป และ/หรือ ใช้ประโยชน์ ในวงเงิน 500 บาท/ตัน ในช่วง 2 ปีแรก รวมถึงการพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรและ/หรือการขนส่งโลจิสติกส์วัสดุเหลือใช้ดังกล่าว

และหัวใจสำคัญของนโยบายนี้คือการ "สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem)" ที่เอื้อต่อการลงทุนและการเข้าถึงเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) และเกษตรกร โดยจะเปลี่ยนบทบาทภาครัฐจากผู้กำกับดูแลเป็นผู้สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ดังนี้

  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลาง: สนับสนุนการจัดตั้ง "ศูนย์โลจิสติกส์พืชผัก" และ "ห้องเย็น" ในพื้นที่การผลิตสำคัญ เพื่อลดการสูญเสียและยืดอายุสินค้า

  • การจัดตั้งโรงงานต้นแบบ (Prototype Factory): สร้างโรงงานที่มีเครื่องจักรแปรรูปทันสมัยและได้มาตรฐาน GMP ให้กระจายตัวทั่วประเทศ เพื่อให้ SMEs สามารถ "เช่าใช้" ผลิตสินค้าทดลองตลาดได้โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานเอง

  • การสนับสนุนทางการเงินแบบมุ่งเป้า: จัดเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย และทุนหมุนเวียน เพื่อเสริมสภาพคล่องและสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยี

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

การขับเคลื่อนนโยบายอาศัยกลไกสนับสนุน 9 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการในมิติต่างๆ ดังนี้

1. เงินลงทุน (งบประมาณ)

  • ลักษณะการสนับสนุน: สร้างโรงงานต้นแบบที่ให้บริการกับกลุ่ม / SMEs
  • ผู้รับการสนับสนุน: มหาวิทยาลัย, หน่วยงานราชการ

2. ร่วมลงทุน

  • ลักษณะการสนับสนุน: โรงงานต้นแบบ ศูนย์โลจิสติกส์ ห้องเย็น
  • ผู้รับการสนับสนุน: อปท., สหกรณ์

3. เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยและค้ำประกันเงินกู้

  • ลักษณะการสนับสนุน: ศูนย์โลจิสติกส์ห้องเย็น ซื้อ/ขยายเครื่องจักรในโรงงานแปรรูป
  • ผู้รับการสนับสนุน: สหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร

4. เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ+ค้ำเงินกู้+เงื่อนไขการให้บริการ

  • ลักษณะการสนับสนุน: ศูนย์โลจิสติกส์ซื้อ/ขยายเครื่องจักรโรงงานแปรรูปห้องเย็น (ในพื้นที่ขาดแคลน)
  • ผู้รับการสนับสนุน: SMEs (เอกชน)

5. เงินหมุนเวียนรับซื้อวัตถุดิบ แปรรูป และเก็บรักษา

  • ลักษณะการสนับสนุน: รับซื้อวัตถุดิบส่วนเกินตามฤดูกาลเพื่อนำมาแปรรูปและเก็บรักษา (ตัดยอดอุปทานส่วนเกินตามฤดูกาล)
  • ผู้รับการสนับสนุน: สหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร, SMEs

6. คูปองเข้าใช้บริการของโรงงานต้นแบบ ห้องเย็น ศูนย์โลจิสติกส์

  • ลักษณะการสนับสนุน: สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้บริการโรงงานต้นแบบ, ห้องเย็น, ศูนย์โลจิสติกส์ ลดต้นทุนโลจิสติกส์และการแปรรูป
  • ผู้รับการสนับสนุน: สหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร, SME

7. การระบายวัตถุดิบที่เก็บรักษาไว้ในราคาทุน

  • ลักษณะการสนับสนุน: ขายวัตถุดิบที่แปรรูปและเก็บรักษาไว้ในราคาต้นทุนเพื่อนำไปแปรรูปต่อ
  • ผู้รับการสนับสนุน: สหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร, SME

8. สนับสนุนพื้นที่และแพลตฟอร์มทางการตลาด

  • ลักษณะการสนับสนุน: การเข้าถึงพื้นที่และแพลตฟอร์มทางการตลาด ทั้งออนไลน์และออนไซต์ และทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • ผู้รับการสนับสนุน: สหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร, SME

9. ศูนย์สนับสนุนการบริหารสัญญาโมเดิร์นเทรด/แพลตฟอร์ม

  • ลักษณะการสนับสนุน: ช่วยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน และความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เพื่อช่วยในการจัดส่งสินค้าตามเงื่อนไขสัญญา
  • ผู้รับการสนับสนุน: สหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร, SME

 

นโยบายนี้วางแผนเส้นทางการพัฒนาผู้ประกอบการไว้อย่างชัดเจน 5 ขั้นตอน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถตั้งตัวและเติบโตได้จริง

  • ขั้นที่ 1: เริ่มต้น (Idea Stage)
    ผู้ประกอบการที่มีไอเดีย ขอรับ "คูปองดิจิทัล" เพื่อเข้าไปใช้บริการ "โรงงานต้นแบบ" ในการวิจัย พัฒนาสูตร และผลิตสินค้าตัวอย่างที่ได้มาตรฐาน GMP/อย.

  • ขั้นที่ 2: ทดลองตลาด (Market Trial)
    นำสินค้าตัวอย่างไปวางจำหน่ายผ่าน "แพลตฟอร์มการตลาด" ที่รัฐจัดหาให้ เพื่อทดสอบผลตอบรับจากผู้บริโภคจริง

  • ขั้นที่ 3: ขยายการผลิต (Scale Up)
    เมื่อสินค้าติดตลาด ผู้ประกอบการขอกู้ "สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ" เพื่อลงทุนซื้อเครื่องจักรหรือสร้างโรงงานขนาดเล็กของตนเอง

  • ขั้นที่ 4: เข้าสู่ตลาดหลัก (Mainstream Market)
    ใช้บริการ "ศูนย์สนับสนุนการบริหารสัญญา" เพื่อช่วยเจรจานำสินค้าเข้าขายในห้างสรรพสินค้า (Modern Trade) หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่

  • ขั้นที่ 5: เติบโตอย่างมั่นคง (Sustainable Growth)
    ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบจากต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำลงและมาตรฐานการผลิตที่สูงขึ้น

 

เป้าหมายของนโยบายนี้คือ

  • ลดอัตราการสูญเสีย (Food Loss): มีระบบ Cold Chain และ Pre-cooling ที่ครอบคลุมพื้นที่การผลิตสำคัญ ลดความเสียหายของผักผลไม้จากการขนส่ง

  • เสถียรภาพราคา: มีกลไกดูดซับอุปทานส่วนเกินที่มีประสิทธิภาพ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำรุนแรงในช่วงฤดูกาลลดน้อยลง

  • มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น: สัดส่วนสินค้าเกษตรแปรรูปมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการส่งออกวัตถุดิบ

  • เกิดผู้ประกอบการใหม่: จำนวน SMEs และวิสาหกิจชุมชนที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและผลิตสินค้านวัตกรรมมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

นโยบายนี้ใช้งบประมาณจาก

  • กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กองทุน SMEs และกองทุน ววน. เป็นหลัก

  • ใช้เงินกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกรในการดูดซับผลผลิตส่วนเกิน 

  • สนับสนุนเงินอุดหนุนในการจัดการของเสียและของเหลือใช้ทางการเกษตร ในวงเงิน 500 บาท/ตัน จำนวน 10 ล้านตัน รวมเป็นเงิน 5,000 บาท ในปี 2573