ปลูกไม้ยืนต้น 1 ล้านไร่ เปลี่ยนหนี้ให้เป็นสินทรัพย์สีเขียว

ปลูกไม้ยืนต้น 1 ล้านไร่ เปลี่ยนหนี้ให้เป็นสินทรัพย์สีเขียว

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ประเทศไทยกำลังเผชิญ "ความสูญเสียโอกาส" มหาศาลจากโครงสร้างการจัดการทรัพยากรที่ไม่สมดุล:

  • เป้าหมายที่ไม่เป็นจริง: แผนแม่บทการพัฒนาป่าไม้พ.ศ. 2562 กำหนดพื้นที่ป่าเป้าหมายไว้ 40% (129 ล้านไร่) แต่ปัจจุบันมีเพียง 31% (101 ล้านไร่) ขาดหายไปถึง 16 ล้านไร่ โดยเฉพาะ "ป่าเศรษฐกิจ" ที่ต่ำกว่าเป้าหมายมาก
  • สูญเสียเงินออกนอกประเทศ: ไทยต้องนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ปีละกว่า 140,179 ล้านบาท ทั้งที่เรามีศักยภาพผลิตเองได้
  • นโยบายรัฐที่ไม่ให้ความสำคัญ: ปัจจุบันรัฐจัดสรรงบส่งเสริมป่าเศรษฐกิจน้อยมาก เช่น ปี 2569 กรมป่าไม้และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) รวมกันมีงบไม่ถึง 120 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าเศรษฐกิจรวมเพียง 4.5 หมื่นไร่/ปี ซึ่งหากปล่อยไว้ตามกลไกเดิม ต้องใช้เวลากว่า 300 ปี จึงจะบรรลุเป้าหมาย 16 ล้านไร่
  • กับดักหนี้เกษตรกร: ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่เหมาะสมกว่า 30 ล้านไร่ ที่ยิ่งปลูกยิ่งเป็นหนี้ ขณะที่งบประมาณส่งเสริมการปลูกป่าของรัฐ (กรมป่าไม้/อ.อ.ป.) มีจำกัดมาก ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง

เราจะทำอะไร (WHAT)

เราจะเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่เหมาะสมและสร้างหนี้สิน ให้กลายเป็น "พื้นที่ไม้ยืนต้นมูลค่าสูง" จำนวน 1 ล้านไร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อ:

1. แก้หนี้เกษตรกร: ใช้ต้นไม้เป็นทรัพย์สินเพื่อปลดล็อกหนี้สินเรื้อรังและสร้างหลักประกันทางธุรกิจ

2. สร้างอุตสาหกรรมไม้ครบวงจร: สร้างงานใหม่ตั้งแต่นักเพาะกล้า ช่างฝีมือ สถาปนิก วิศวกร และผู้ประกอบการด้านไม้และผลิตภัณฑ์ 

3. ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม: เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อดูดซับคาร์บอน และลดความเสี่ยงภัยพิบัติ

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. มาตรการ "ปลดล็อกกฎหมาย" 

  • แก้ พ.ร.บ.สวนป่า: เอื้อให้ประชาชนและเอกชนปลูก ตัด แปรรูป และค้าไม้เศรษฐกิจได้สะดวก ไม่ติดขัดข้อกฎหมายล้าหลัง
  • รับรองสิทธิที่ดิน: แก้ปัญหาที่ดิน 32 ล้านไร่ ให้ประชาชนมีสิทธิใช้ประโยชน์ถูกต้อง เพื่อให้กล้าลงทุนปลูกไม้ยืนต้นระยะยาว

2. มาตรการ "แรงจูงใจทางการเงิน" 

  • โครงการปลูกล้างหนี้: เกษตรกรที่เข้าร่วมเปลี่ยนพื้นที่เกษตรเป็นสวนป่า จะได้รับการ ลดหนี้สิน 30,000 บาท/ไร่ (สัญญาดูแลระยะยาว)
  • งบอุดหนุนการปลูก: สนับสนุนค่าดูแลรักษาปีแรก 3,000 บาท/ไร่ และปีที่ 2-3 อีก 1,000 บาท/ไร่ (จำกัดไม่เกิน 10 ไร่/ราย)
  • หลักประกันทางธุรกิจ: รับรองให้ "ต้นไม้" เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อได้จริง และมอบประกันภัยพืชผลฟรี

3. ยุทธศาสตร์ "วงจรไม้สร้างมูลค่า" 

  • การจัดการรายได้หมุนเวียน: วางแผนการปลูกแบบผสมผสานเพื่อให้มีรายได้เป็นระยะ (ปีที่ 2, 5, 10-15) จากผลผลิตพลอยได้ ก่อนถึงรอบตัดใหญ่ในปีที่ 25 เพื่อเป็นเงินออมก้อนโต
  • Reskill/Upskill แรงงาน: ฟื้นฟู "โรงเรียนป่าไม้" รูปแบบใหม่ เน้นหลักสูตร "ปลูกเก่ง-ตัดเก่ง-ขายเก่ง-ใช้เก่ง" สร้างช่างไม้สมัยใหม่และนักออกแบบสถาปัตยกรรมไม้ ช่างฝีมือท้องถิ่น
  • ขยายตลาด: ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ไม้ไทยในตลาดโลก ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป

4. ป่าชุมชนสู้ภัยพิบัติ

  • สนับสนุนงบประมาณอัตราเดียวกับเกษตรกร ให้ป่าชุมชนปลูกไม้ยืนต้นเพิ่มในจุดเสี่ยง เพื่อเป็นแนวกันชนไฟป่าและน้ำป่าไหลหลาก