ปรับเอกสารสิทธิ์ทุกประเภทเป็น “โฉนดมาตรฐานเดียว“

ปรับเอกสารสิทธิ์ทุกประเภทเป็น “โฉนดมาตรฐานเดียว“

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ปัจจุบันประเทศไทยมีเอกสารสิทธิที่ดินหลากหลายประเภท (เช่น โฉนด, น.ส.3, ส.ป.ก., น.ค.) ซึ่งออกโดยหน่วยงานและกฎหมายที่ต่างกัน ก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างมหาศาล:

  • ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ: ที่ดินบางประเภทไม่สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือซื้อขายเปลี่ยนมือได้ตามปกติ ทำให้กลายเป็น "ทุนตาย" (Dead Capital) ประชาชนเสียโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
  • ความซับซ้อนของระบบ: ความหลากหลายของเอกสารทำให้เกิดความสับสน ทับซ้อน และช่องว่างในการทุจริต
  • ความล่าช้าของระบบราชการ: กระบวนการพิสูจน์สิทธิและการออกเอกสารในปัจจุบันมีความล่าช้า ประชาชนจำนวนมากยังตกหล่นจากระบบรัฐ

เราจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนเสนอให้เปลี่ยนเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด (ที่ไม่ทับซ้อนที่ดินรัฐและอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสม) ให้เป็น "โฉนดที่ดิน" ตามประมวลกฎหมายที่ดินเพียงมาตรฐานเดียว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและคืนมูลค่าให้ที่ดินประชาชน ผ่าน 4 แนวทางหลัก:

1. เร่งรัดออกโฉนดจากเอกสารสิทธิเดิม 

  • กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ถือครอง น.ส.3, น.ส.3 ก., น.ส.2, ส.ค.1 และที่ดินในโครงการ "บอกดิน"
  • การดำเนินการ:
    • ปฏิรูประบบเดินสำรวจ โดยกระจายอำนาจให้ สำนักงานที่ดินจังหวัด/สาขา เป็นผู้ดำเนินการหลัก แทนศูนย์เดินสำรวจส่วนกลาง
    • จัดสรรงบประมาณตามปริมาณงานจริงในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาคอขวดของการออกโฉนดที่ล่าช้า

2. เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด 

  • การแก้ไขกฎหมาย:
    • แก้ไข ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 3 ให้รับรองกรรมสิทธิ์ที่ได้มาจากการปฏิรูปที่ดิน
    • แก้ไข พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (เพิ่มมาตรา 39/1) ให้ผู้ได้รับจัดสรรที่ดินและทำประโยชน์ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี สามารถขอออกโฉนดที่ดินได้
  • เป้าหมาย: ปลดล็อกที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจทัดเทียมที่ดินทั่วไป

3. ยกระดับที่ดินนิคมสร้างตนเองและนิคมสหกรณ์ 

  • กลุ่มที่ยังไม่จัดที่ดิน: ใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเร่งรัดรังวัดและตรวจสอบคุณสมบัติ
  • กลุ่มติดล็อกข้อกฎหมาย (น.ค.1 / น.ค.3): แก้ไขกฎหมายเพื่อปลดล็อกเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรค เช่น กรณีเปลี่ยนมือสู่ทายาทที่ไม่ได้ทำเกษตรกรรม ให้สามารถออกเอกสารสิทธิ์ น.ค.3 และนำไปสู่การออกโฉนดได้ทันที
  • กลุ่ม "13 นิคม 14 ป่า": ออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตนิคมสหกรณ์ให้ครบถ้วนตามมติ ครม. เดิม (ปี 2513 และ 2517) เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการออกโฉนดตามลำดับ

4. เร่งรัดพิสูจน์สิทธิในที่ดินทับซ้อน 

  • สำหรับที่ดินที่มีการครอบครองก่อนประกาศเป็นที่ดินรัฐ แต่ติดปัญหาทับซ้อน จะเร่งรัดกระบวนการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
  • แก้ปัญหาความล่าช้าโดยเพิ่มความถี่การประชุมคณะอนุกรรมการจังหวัด (คพร.จว.) และกระจายอำนาจการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ส่วนกลาง

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. ปรับปรุงการออกโฉนดและฐานข้อมูล 

  • ถ่ายโอนอำนาจให้จังหวัด: ใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร ปรับโครงสร้างอำนาจการออกโฉนด โดยกำหนดให้อำนาจการออกโฉนดทั้งหมดอยู่ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสาขา รวมทั้งกำลังคนและงบประมาณ
  • พัฒนาเครื่องมือเทคโนโลยีให้ทันสมัย สำหรับใช้ทำงานธุรการ ทะเบียน นิติกรรม และงานบริการประชาชนด้านที่ดิน เช่น งานทะเบียนออนไลน์ ทำทุกอย่างผ่านแพลตฟอร์มกลาง / สาระบบที่ดินดิจิตอล E- land deed document / การพิสูจน์สิทธิ์ ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมและ AI / Base map / One map / Application
  • พัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ดินและศูนย์ข้อมูลที่ดิน Online ทั่วประเทศ ให้ข้อมูลที่ดินทั้งประเทศเป็น Open data 

2. ดำเนินการเชิงรุก เปลี่ยนพื้นที่ สปก. และที่ดินนิคมเป็นโฉนด

  • ตรวจสอบพื้นที่กันคืนกรมป่าไม้ หากมีคนอยู่และไม่ใช่ป่า ให้นำมาจัดสรรต่อ
  • นำร่องเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใน 12 จังหวัด (ภาคละ 2 จังหวัด)
  • พื้นที่นิคม:
    • รวบรวมข้อมูลทำแผนปฏิบัติการรายแปลง
    • นำร่องจัดที่ดินตกค้าง ภาคละ 1 แห่ง ให้แล้วเสร็จ
  • เป้าหมายระยะยาว: ดำเนินการจัดที่ดินในพื้นที่เป้าหมายให้ได้ 80% และเปลี่ยนเอกสารสิทธิ์ทุกประเภท (ส.ป.ก./น.ค.3/กสน.5) ให้เป็นโฉนดมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ