ฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพ

ฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพ

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

ความหลากหลายทางชีวภาพไม่ใช่แค่เรื่องของสัตว์หรือพืช แต่คือ "โครงข่ายแห่งชีวิต" ที่ค้ำจุนมนุษย์ในทุกมิติ

  • รากฐานระบบนิเวศ: เป็นกลไกธรรมชาติในการผสมเกสร ควบคุมศัตรูพืช และหมุนเวียนธาตุอาหาร หากความหลากหลายลดลง ระบบนิเวศจะเปราะบางและล่มสลายได้ง่าย
  • ความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจ: ทรัพยากรชีวภาพคือแหล่งรายได้และยารักษาโรค การสูญเสียชนิดพันธุ์คือการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและความสามารถในการพึ่งพาตนเองของชุมชน
  • ปราการรับมือโลกผันผวน: ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เช่น ป่าชายเลนและแนวปะการัง คือตัวช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกและลดความรุนแรงจากภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม, กัดเซาะชายฝั่ง)
  • มรดกเพื่ออนาคต: การรักษาธรรมชาติคือการส่งต่อคุณภาพชีวิตและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืนให้คนรุ่นถัดไป

 

เราจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากการอนุรักษ์เชิงตั้งรับ สู่การฟื้นฟูเชิงรุกเพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกระดับ ผ่าน 9 ยุทธศาสตร์สำคัญ:

1. กระจายอำนาจการคุ้มครองสู่ท้องถิ่นและชุมชน

  • สนับสนุนงบประมาณและความรู้ให้ท้องถิ่นประกาศ "เขตคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ" ในพื้นที่สำคัญ เช่น เทือกเขาหินปูน พื้นที่ชุ่มน้ำ และทรัพยากรชายฝั่ง
  • จัดทำบัญชีทรัพยากรชีวภาพและแผนการบริหารจัดการพื้นที่ รวมถึงคุ้มครองผลประโยชน์ (Benefit Sharing) ให้ชุมชนได้รับความเป็นธรรมหากมีการนำทรัพยากรไปใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

2. ปฏิรูปผังเมืองและการประเมินผลกระทบ (EIA)

  • กำหนดให้การพัฒนาผังเมืองและโครงสร้างพื้นฐานต้องคำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพเป็นลำดับแรก
  • ปฏิรูปกระบวนการ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment - EIA) โดยต้องพิจารณาผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเข้มข้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการศึกษาอย่างแท้จริง

3. ยกระดับการจัดการพื้นที่อนุรักษ์

  • ระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol): เพิ่มงบประมาณ อุปกรณ์ และสวัสดิการทีมพิทักษ์ป่าและทีมดับไฟป่า
  • การฟื้นฟูและบริหารจัดการ: ฟื้นฟูระบบนิเวศริมน้ำ กำหนด ขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity) สำหรับการท่องเที่ยว และปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
  • เคารพสิทธิชุมชน: จัดการพื้นที่อนุรักษ์โดยไม่ละเมิดสิทธิของชุมชนดั้งเดิม และส่งเสริมการจัดการร่วมระหว่างรัฐและประชาชน

4. เกษตรหลากหลายสร้างรายได้ยั่งยืน

  • สนับสนุนเกษตรกรให้ทำเกษตรผสมผสาน (เช่น ปลูกพืชแซมป่า) และส่งเสริมการตลาดพืชพื้นบ้านหายาก
  • การประกันผลตอบแทน: ประกันรายได้ 500-1,000 บาท/เดือน ผ่านการรับซื้อผลผลิตเข้าสู่โครงการอาหารในโรงเรียนและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

5. จูงใจภาคเอกชนด้วยมาตรการภาษี (Negative Land Tax)

  • ลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับพื้นที่เอกชนที่ให้บริการทางระบบนิเวศ (เช่น สวนสมรม หรือพื้นที่ซับน้ำ)
  • พัฒนา ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Index) ร่วมกับนักศึกษาและชุมชนเพื่อติดตามผลการอนุรักษ์ในพื้นที่เอกชน

6. ฟื้นคืนธรรมชาติสู่เมือง (Urban Rewilding)

  • ใช้ การแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-based Solutions - NbS) ในการออกแบบเมือง เช่น สวนรับน้ำหรือพื้นที่หน่วงน้ำ เพื่อลดอุทกภัยและลดโดมความร้อน
  • สนับสนุนกิจกรรมทางธรรมชาติที่สร้างสรรค์ เช่น การอาบป่า (Forest Bathing) และการดูนกดูนากในเขตเมือง

7. จัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (Alien Species) อย่างจริงจัง

  • สร้างระบบขึ้นทะเบียนและจดแจ้งชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่เข้มงวด
  • ควบคุมการนำเข้าและการเพาะเลี้ยง พร้อมมีหน่วยปฏิบัติการฟื้นฟูระบบนิเวศที่ถูกรุกรานโดยทันที

8. ยกระดับการศึกษาและบุคลากรด้านธรรมชาติวิทยา

  • สื่อและหลักสูตรท้องถิ่น: สนับสนุนงบประมาณผลิตสื่อการเรียนรู้ที่อิงกับนิเวศในพื้นที่ โดยเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง (Experiential Learning) เช่น โครงงานนักสืบสายน้ำ เดินป่า และกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ
  • พัฒนาวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ: เสริมสร้างศักยภาพครูและวิทยากรด้านธรรมชาติวิทยาระดับพื้นที่ เพื่อเป็นที่ปรึกษาในการสร้างความเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
  • บูรณาการทุกระดับ: เชื่อมโยงความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพเข้ากับระบบการศึกษาทั้งในและนอกระบบ ผ่านการทำโครงงานเชิงสำรวจในชั้นเรียนทุกระดับ

9. สร้างเส้นทางอาชีพและส่งเสริมการศึกษาธรรมชาติวิทยา

  • ส่งเสริมการผลิตนักธรรมชาติวิทยาและนักนิเวศวิทยา ในทุกระดับการศึกษา (ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก) ทั้งในสถาบันการศึกษา ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในท้องถิ่น และในภาคเอกชน 

  • สนุนการศึกษาวิจัยเรื่องระบบนิเวศวัฒนธรรมที่รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำในงานด้านอนุรักษ์ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในระดับภูมิภาค

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

เพื่อให้การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพเกิดขึ้นได้จริง จำเป็นต้องใช้กลไกการบริหารจัดการใน 4 ด้านหลัก ดังนี้:

1. กลไกทางกฎหมายและการกระจายอำนาจ

เพื่อปลดล็อกให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถดูแลทรัพยากรและจัดการผังเมืองได้:

  • แก้ไข พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ พ.ศ. 2542: ถ่ายโอนอำนาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้ อปท. อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ออกข้อบัญญัติประกาศ "เขตคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ" ของตนเองได้
  • ปฏิรูป พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ. 2562: กำหนดให้ "ผังเมืองรวม" ต้องมี แผนที่ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Map) เป็นองค์ประกอบบังคับ และให้อำนาจประชาชนร่วมกำหนดโซนนิ่ง (Zoning)
  • กฎหมายสิทธิชุมชน: ผลักดันกฎหมายรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการป่าและทรัพยากร เพื่อลดความขัดแย้งในพื้นที่อนุรักษ์
  • แก้ไข พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562: เพิ่มหมวด "การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอนุรักษ์" เพื่อรองรับนโยบาย ภาษีที่ดินแบบติดลบ (Negative Land Tax) สำหรับเอกชนที่รักษาระบบนิเวศ
  • ออกระเบียบควบคุมชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (Alien Species): ยกระดับกฎหมายควบคุมการนำเข้าและครอบครองสัตว์/พืชต่างถิ่นที่มีความเสี่ยงรุกราน พร้อมผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ... ให้ครอบคลุมประเด็นนี้

2. กลไกทางการเงินและการคลัง

เปลี่ยนจากการ "ขอความร่วมมือ" เป็นการ "สร้างแรงจูงใจ" ด้วยมาตรการทางการเงิน:

  • งบประมาณฐานสมรรถนะ (Performance-Based Budgeting): จัดสรรงบอุดหนุนเฉพาะกิจให้ อปท. ที่มีการประกาศเขตคุ้มครองฯ และมีแผนงานอนุรักษ์ที่ชัดเจน
  • การตอบแทนคุณค่าของระบบนิเวศ (Payment for Ecosystem Services - PES): สร้างระบบตลาด คาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ หรือ Biodiversity Credit เพื่อให้ผู้ดูแลป่าต้นน้ำได้รับค่าตอบแทนจากภาคธุรกิจ
  • การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement): ออกระเบียบกรมบัญชีกลางให้หน่วยงานรัฐซื้อวัตถุดิบจากเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ได้โดยตรง ในราคาประกันที่สูงกว่าตลาด
  • กองทุนฟื้นฟูระบบนิเวศ: จัดตั้งกองทุนตามหลักการ ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle - PPP) ภายใต้ พ.ร.บ.ความหลากหลายทางชีวภาพฯ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูธรรมชาติ (Rewilding)

3. กลไกการบริหารจัดการและเทคโนโลยี

  • ยกระดับ Smart Patrol: ลงทุนในระบบ กล้องดักถ่ายอัตโนมัติ (Network Centric Anti-Poaching System - NCAPS) และโดรนลาดตระเวน พร้อมเพิ่มสวัสดิการและประกันชีวิตให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
  • ฐานข้อมูล Big Data แห่งชาติ: เชื่อมโยงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพจากท้องถิ่นและนักวิชาการเข้าสู่ส่วนกลาง เพื่อประกอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
  • มาตรฐานงานโยธาเพื่อธรรมชาติ (NbS Standards): กำหนดมาตรฐานก่อสร้างใหม่ เช่น ถนนน้ำซึมผ่านได้ และ สวนรับน้ำ (Rain Garden) เพื่อลดปัญหาน้ำท่วม
  • หน่วยปฏิบัติการ Alien Species: ตั้งหน่วยเฉพาะกิจที่มีอำนาจและงบประมาณในการกำจัดพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอกระบวนการล่าช้า

4. กลไกการศึกษาและพัฒนาบุคลากร

  • หลักสูตรท้องถิ่นศึกษา: เปิดช่องให้โรงเรียนสร้างหลักสูตรที่เรียนรู้จากบริบทนิเวศและป่าชุมชนในพื้นที่จริง
  • กำหนดตำแหน่งวิชาชีพ: ให้ ก.พ. กำหนดตำแหน่ง "นักนิเวศวิทยา" หรือ "นักธรรมชาติวิทยา" เป็นวิชาชีพเฉพาะที่มีความก้าวหน้าในสายงานราชการและท้องถิ่น
  • ทุนวิจัยมุ่งเป้า: จัดสรรทุนวิจัยด้าน อนุกรมวิธาน (Taxonomy) และความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างองค์ความรู้พื้นฐานให้ประเทศ