แยกคนออกจากช้างป่า เพื่อสวัสดิภาพของคนและสัตว์

คนอยู่ได้ ช้างอยู่รอด ปฏิรูปการจัดการช้างป่าเชิงรุกด้วยเทคโนโลยีและการคุมกำเนิด

แยกคนออกจากช้างป่า เพื่อสวัสดิภาพของคนและสัตว์

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

1. ประชากรช้างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว: ปัจจุบันประเทศไทยมีช้างป่าประมาณ 4,000 ตัว โดยมีอัตราการเพิ่มของประชากรสูงถึง 8.2% ต่อปี ทำให้อาหารและพื้นที่ในเขตป่าอนุรักษ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

2. เกษตรกรคือผู้รับเคราะห์: พืชสวนผลไม้ในที่ดินของราษฎรเป็นแหล่งอาหารชั้นดี ช้างจึงเรียนรู้ที่จะออกมาหากินภายนอก นำไปสู่การทำลายทรัพย์สินกว่า 1,800 ครั้งในปี 2567 สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 24 ล้านบาท

3. กลไกการกั้นช้างเดิมไม่มีประสิทธิภาพ: 

  • คูกันช้าง ที่ก่อสร้างตามแบบมาตรฐานราชการเพียงแบบเดียว มักไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริงในหลายจุด
  • ขาดทรัพยากรการเฝ้าระวัง อาสาสมัครขาดงบประมาณและอุปกรณ์สำคัญอย่าง โดรนตรวจจับความร้อน เพื่อติดตามทิศทางช้างในระยะไกล ทำให้การผลักดันเป็นไปอย่างยากลำบาก

เราจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนเสนอทางออก 3 ประการ เพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างสวัสดิภาพให้ทั้งคนและช้าง ให้สามารถอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศได้

1. ควบคุมประชากร: ใช้วัคซีนคุมกำเนิดชั่วคราวเพื่อชะลออัตราการเกิดที่สูงเกินไป (ไม่ใช่การทำหมันถาวร)

2. สร้างสิ่งกีดขวางถาวรที่ใช้งานได้จริง: พัฒนาคูกันช้างรูปแบบใหม่ที่ปรับเปลี่ยนตามสภาพพื้นที่ (Flexible Design)

3. เพิ่มงบอาสาสมัครและอุปกรณ์: สนับสนุนงบประมาณและเทคโนโลยีโดรน เพื่อให้คนทำงานมีความปลอดภัยและทำงานได้แม่นยำขึ้น

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

พรรคประชาชนจะขับเคลื่อนนโยบายผ่านแผนงานเชิงโครงสร้างและการสนับสนุนพื้นที่ ดังนี้

1. ปฏิรูปการบริหารจัดการและกลไกภาษี

  • เพิ่มสัดส่วนท้องถิ่นในคณะกรรมการช้างชาติ: ให้ผู้ที่อยู่หน้างานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามามีส่วนกำหนดนโยบายและเพิ่มความถี่ในการประชุมเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์
  • จูงใจด้วยระบบภาษี: ตราพระราชกฤษฎีกาให้ประชาชนหรือเอกชนที่บริจาคเงินเพื่อสวัสดิภาพช้างป่า สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน

2. ควบคุมปริมาณช้างป่าเชิงรุก

  • การคุมกำเนิด: ศึกษาแนวทางการใช้ยาคุมกำเนิดสำหรับช้างป่าที่ปลอดภัยและเหมาะสม ทั้งนี้มิใช่การทำหมันถาวร พร้อมจัดสรรงบประมาณให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นเกินขีดความสามารถของป่า

3. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานกั้นช้าง

  • คูกันช้างรูปแบบใหม่: ปรับแบบการก่อสร้างโดยอิงแนวทางจากกรมทางหลวงเพื่อให้ทนทานและสอดรับกับสภาพดินในแต่ละพื้นที่
  • เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ: จัดสรรงบประมาณให้ อปท. กิโลเมตรละ 10 ล้านบาท สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย

4. ยกระดับการเฝ้าระวังและเทคโนโลยี

  • เพิ่มเงินสนับสนุนอาสาฯ: เพิ่มงบประมาณเป็น 100,000 บาทต่อปีต่อศูนย์ เพื่อเป็นค่าดำเนินการ
  • ระบบยืมใช้อุปกรณ์ High-tech: กำหนดระเบียบให้ท้องถิ่นสามารถยืมอุปกรณ์ราคาแพง (เช่น โดรนตรวจจับความร้อน) จากหน่วยงานส่วนกลางมาใช้งานได้ พร้อมให้งบประมาณซ่อมบำรุงที่เพียงพอ
  • พัฒนาระบบและศูนย์ติดตามความเคลื่อนไหวของช้างป่าที่อยู่ในพื้นที่ป่าเดียวกันหรือต่อเนื่องกัน โดยเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลจากเครือข่ายอาสาในพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นจุดเชื่อมข้อมูล เพื่อป้องกันความสับสนและการขาดการประสานงานกันระหว่างทีมงานในพื้นที่ต่างๆ