รับมือกับโลกผันผวน: มีแผนสู้โลกยุคภัยพิบัติ

รับมือกับโลกผันผวน: มีแผนสู้โลกยุคภัยพิบัติ
โลกร้อน
โลกรวน
โลกเดือด
ภัยพิบัติ
GlobalWarming
Loss&Damage
Loss&DamageFund
Adaptation
กระจายอำนาจ

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

1. ประสิทธิภาพการรับมือต่ำ: นโยบายรัฐมักให้ความสำคัญกับการลดก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการสร้างระบบรับมือภัยพิบัติ ทำให้การเตรียมพร้อมและเผชิญเหตุยังไม่น่าพอใจ

2. อปท. ขาดอำนาจและทรัพยากร: องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานเผชิญเหตุแรกสุด กลับขาดการสนับสนุนทั้งด้านบุคลากร เครื่องมือ ข้อมูล และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน

3. การเยียวยาล่าช้า: เมื่อเกิดภัยพิบัติ การเยียวยาและฟื้นฟูทำได้ล่าช้า เนื่องจากกฎระเบียบไม่สอดคล้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ทำให้ประชาชนต้องสูญเสียทรัพย์สินและผลผลิตทางเศรษฐกิจ

ดังนั้น ระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศต้องได้รับการปรับปรุงทั้งระบบ โดยมีหลักการ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เป็นแกนกลาง เพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที

พรรคประชาชนจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนจะปฏิรูประบบการรับมือภัยพิบัติเป็น 4 มิติหลัก โดยเน้นการสร้างความยืดหยุ่นและการให้อำนาจท้องถิ่น:

1. การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ

• กลไกทางการเงินท้องถิ่น: จัดทำแผนและกลไกทางการเงินที่ให้ อปท. สามารถเข้าถึงงบประมาณเพื่อใช้ในการรับมือภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที (เช่น ทำแหล่งกักเก็บน้ำ, ปรับปรุงเส้นทางระบายน้ำ)

• บูรณาการข้อมูล: เชื่อมโยงแผนเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของท้องถิ่นเข้ากับกระบวนการภาครัฐ เช่น ผังเมือง, การจัดทำรายงาน EIA, การออกแบบอาคาร

• วิจัยและพัฒนา: สนับสนุนการวิจัย เช่น ระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น, การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมรับภัยพิบัติด้วยหลักการ Eco-DRR (การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยอาศัยระบบนิเวศ) 

• เครื่องมือทางการเงิน: พัฒนาระบบ การประกันภัยพืชผล หากเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติ เพื่อเป็นทางเลือกในการรับมือค่าใช้จ่าย

2. การเตือนภัย

• เชื่อมโยงข้อมูล: เชื่อมโยงข้อมูลทางอุทกวิทยาและข้อมูลคุณภาพอากาศจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็น ระบบข้อมูลเดียวกัน เพื่อความแม่นยำและรวดเร็ว

• ระบบเตือนภัยชุมชนเป็นฐาน: ออกแบบระบบเตือนภัยให้ครอบคลุมทุกตำบลตามหลักการ CbDRM (การจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติโดยชุมชนเป็นฐาน) โดยให้สอดคล้องกับระบบนิเวศวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น

• Cell Broadcast: ติดตั้งและเปิดใช้ระบบเตือนภัยสาธารณะแบบ Cell Broadcast ที่สามารถส่งคำเตือนผ่านทางโทรศัพท์มือถือทุกกลุ่มที่มีความเสี่ยงได้ทันท่วงที

• พัฒนาช่องทางสื่อสาร: พัฒนาช่องทาง Open Chat ของแต่ละท้องถิ่น โดยมีแอดมินที่ได้รับการฝึกฝนและเชื่อมต่อกับข้อมูลรัฐบาลได้อย่างทันท่วงที

3. การเผชิญเหตุภัยพิบัติ

• ถ่ายโอนอำนาจให้ท้องถิ่น: ถ่ายโอนอำนาจให้ท้องถิ่นในการ ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยมีเกณฑ์การประกาศที่ชัดเจน และมีระเบียบการใช้เงินที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์

• ศูนย์พักพิงมาตรฐาน: ตรวจสอบให้แต่ละพื้นที่มีการเตรียม ศูนย์พักพิงและพื้นที่ปลอดภัยมาตรฐานล่วงหน้า (หมู่บ้านละ 1 แห่ง) มีอุปกรณ์ที่เพียงพอ และแจ้งแนวทางการเผชิญภัยพิบัติให้ประชาชนทราบล่วงหน้า

• ฝึกซ้อมจริงจัง: ฝึกซ้อมการบัญชาการเหตุการณ์อย่างจริงจัง โดยให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ (เช่น ผู้ว่าฯ, นายกเทศมนตรี) เข้าฝึกการบัญชาการเหตุการณ์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมด้วย

• ระบบข้อมูลเรียลไทม์: ออกแบบระบบข้อมูลเพื่อบัญชาการเหตุการณ์ที่สามารถติดตามสถานการณ์และผลการดำเนินงานได้แบบ เรียลไทม์

4. การเยียวยา/ฟื้นฟู

• จ่ายเงินเยียวยาทันที: เปลี่ยนแนวคิดจากการรอให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปก่อน มาเป็นการ จ่ายค่าชดเชยเยียวยาทันทีที่ประสบเหตุ (เช่น เพื่อใช้ในการอพยพ) รวมถึงกรณีการปนเปื้อนสารพิษอุตสาหกรรม ต้องเข้าไปฟื้นฟูและเยียวยาชุมชนทันที

• ใช้เทคโนโลยีช่วยประเมิน: นำระบบข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่ เช่น ภาพถ่ายจากดาวเทียม มาใช้ในการตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ภัยพิบัติ เพื่อจ่ายเงินเยียวยาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

• ฟื้นฟูความยืดหยุ่น (Resilience): ฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่เสียหายกลับมาใหม่ให้มีความยืดหยุ่นขึ้น รองรับกับภัยพิบัติที่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกในอนาคต (เช่น ออกแบบระบบท่อแยกน้ำเสียออกจากน้ำฝน, แหล่งน้ำสำรอง)

• ดูแลสุขภาพกายและจิต: กระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย, กรมควบคุมโรค, กรมสุขภาพจิต) ต้องเข้าไปตรวจทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขอนามัยของประชาชนหลังประสบภัยพิบัติ

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

1. กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แต่ทำงานบูรณาการ

• กระจายอำนาจและงบประมาณให้ อปท. ในการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยเฉพาะในส่วนของระบบเตือนภัย ศูนย์พักพิง และระบบสื่อสาร/ระบบข้อมูลเพื่อการบัญชาการเหตุการณ์

• ให้อำนาจและความยืดหยุ่นกับ อปท. ในการประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติ และการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อรับมือภัยพิบัติ

• พัฒนาศักยภาพบุคลากรท้องถิ่นและชุมชน และให้ อปท. จัดทำแผนรับมือภัยพิบัติอย่างจริงจัง

2. ปรับระเบียบกฎเกณฑ์

• ปรับเกณฑ์การประกาศภัยพิบัติให้ชัดเจน เพื่อให้จังหวัดมั่นใจในการประกาศให้รวดเร็ว ทันท่วงที

• แก้ไขระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อปรับเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชยเยียวยาให้สมเหตุสมผลกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง