คืนความเป็นอิสระให้ผู้พิพากษา

ปรับปรุงระเบียบภายในศาลที่กระทบความเป็นอิสระของผู้พิพากษา โดยกำหนดขอบเขตอำนาจผู้บริหารให้ชัดเจนในกฎหมายหลัก เพื่อป้องกันอคติและการครอบงำกระบวนการยุติธรรม

คืนความเป็นอิสระให้ผู้พิพากษา

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

รัฐธรรมนูญได้ประกัน ความเป็นอิสระของศาลและผู้พิพากษา ในการพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อให้การตัดสินเป็นไปอย่างเที่ยงธรรมและปราศจากอคติ 

อย่างไรก็ตาม ระเบียบและข้อกำหนดภายในของศาลยุติธรรมหลายฉบับ ซึ่งมีสถานะเป็นเพียงกฎหมายลำดับรอง กลับเป็นช่องทางให้ผู้บริหารศาลสามารถแทรกแซงการใช้ดุลพินิจโดยอิสระของผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ตัดสินคดีได้

 

เราจะทำอะไร (WHAT)

พรรคประชาชนมีข้อเสนอในการปรับปรุง 2 ประการ เพื่อจำกัดอำนาจของผู้บริหารศาลและคุ้มครองความเป็นอิสระของผู้พิพากษา

1. จำกัดขอบเขตการตรวจแก้ร่างคำพิพากษา

กำหนดรูปแบบและวิธีการในการตรวจแก้ร่างคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลไว้อย่างชัดเจนใน พ.ร.บ. พระธรรมนูญศาลยุติธรรม โดยให้จำกัดเฉพาะการตรวจสอบในเชิงรูปแบบเท่านั้น คือ การตรวจสอบข้อผิดพลาดในการพิมพ์ การสะกดคำ รูปแบบการให้เหตุผล รวมถึงการอ้างอิงข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย

2. กำหนดเงื่อนไขที่เคร่งครัดในการเรียกคืนและโอนสำนวนคดี

กำหนดเงื่อนไขเเละหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัดในการเรียกคืนและโอนสำนวนคดีไว้ใน พ.ร.บ. พระธรรมนูญศาลยุติธรรมให้มีการโอนสำนวนได้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดเท่านั้น เช่น ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีพฤติกรรมที่ไม่สุจริตและฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งไม่ใช้ถ้อยคำในบทบัญญัติที่เปิดช่องให้ศาลตีความหลักเกณฑ์ในการเรียกคืนและโอนสำนวนคดีได้อย่างกว้างขวาง 

 

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

  • แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. พระธรรมนูญศาลยุติธรรมโดยเฉพาะ มาตรา 5 และมาตรา 33 เพื่อจำกัดขอบเขตการตรวจแก้ร่างคำพิพากษาและการเรียกคืนและโอนสำนวนคดี
  • แก้ไขปรับปรุงระเบียบ/ข้อกำหนดภายในของศาล ที่มอบอำนาจแก่ผู้บริหารและกระทบต่อความเป็นอิสระของศาลและผู้พิพากษาโดยตรง