โครงสร้างกองทัพไทยในปัจจุบันขาดความสมดุลเนื่องจากการสืบทอดรูปแบบจากยุคสงครามเย็น ที่เน้นการรับกำลังพลจำนวนมากและเกษียณอายุพร้อมกันที่ 60 ปี ส่งผลให้เกิดปัญหาดังนี้:
• โครงสร้างแบบหัวโต: กองทัพขาดแคลนกำลังพลระดับปฏิบัติการ แต่กลับมีชั้นยศระดับสูงเกินความจำเป็น โดยเฉพาะ ชั้นนายพลที่มีมากกว่า 1,500 อัตราโดยประมาณ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาพิเศษถึง 700 อัตราที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลัก
• ภาระงบประมาณ: งบประมาณด้านบุคลากรของกระทรวงกลาโหมสูงกว่า ร้อยละ 50 ของงบประมาณรวมทั้งกระทรวงต่อเนื่องหลายปี กระทบต่อการจัดสรรค่าตอบแทนและสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย รวมถึงงบลงทุนด้านยุทโธปกรณ์
การปรับโครงสร้างให้กลับมาเป็น ลักษณะพีระมิด (Pyramid Structure) ที่มีฐานระดับปฏิบัติการกว้างและลดหลั่นตามชั้นยศที่สูงขึ้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตกำลังพล
เราตั้งเป้าหมายปฏิรูปโครงสร้างผ่านโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด (Early Retirement) และการปิดอัตราที่ไม่จำเป็น:
1. ลดจำนวนกำลังพลระดับสูง: ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมโครงการ 1,350 นาย ภายใน 2 ปี เพื่อปิดอัตราชั้นนายพล พันเอก และพันโท
2. คืนงบประมาณสู่สวัสดิการ: นำงบประมาณที่ลดได้จากการปิดอัตราไปเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการให้นายทหารระดับปฏิบัติการ
3. ปรับสมดุลระยะยาว: กำหนดแนวทางการเกษียณตามช่วงอายุและสัญญาจ้างใหม่เพื่อให้โครงสร้างกำลังพลสมดุลอย่างยั่งยืน
1. แบ่งกลุ่มอายุเพื่อกำหนดแนวทางรองรับ
• อายุ 58 ปีขึ้นไป: รับราชการตามปกติจนเกษียณ
• อายุ 55-58 ปี: กลุ่มเป้าหมายหลักในการเชิญชวนเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด
• อายุ 40-55 ปี: เกษียณก่อนกำหนดร่วมกับมาตรการส่งเสริมอาชีพใหม่ โดยร่วมมือกับหน่วยงานรัฐอื่นหรือเอกชน
• ทหารใหม่ถึงอายุ 40 ปี: มุ่งเน้นการเพิ่มทักษะ (Upskill) และหาตลาดแรงงานรองรับ โดยเฉพาะใน กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
2. โครงการเกษียณราชการก่อนกำหนด (เป้าหมาย 1,350 อัตรา)
โดยมีกลุ่มเป้าหมายดังนี้:
• ชั้นนายพล 450 อัตรา: (350 อัตราจากตำแหน่งที่ไม่ใช่ภารกิจหลัก และ 100 อัตราจากการปรับโครงสร้าง) เพื่อให้คงเหลืออัตรานายพลรวม 700 อัตรา
• ชั้นพันเอก 450 อัตรา และชั้นพันโท 450 อัตรา: เพื่อลดความคับคั่งของอัตราและเปิดทางความก้าวหน้า
• สิทธิประโยชน์: ผู้เข้าร่วมจะได้รับเงินชดเชยเท่ากับเงินเดือนงวดสุดท้าย 18 เดือน ภายใต้งบประมาณดำเนินการ 1,250 ล้านบาท
3. ปิดอัตราชั้นนายพลด้วย "กระบวนการย้อนกลับ"
ย้อนกลับการปรับโครงสร้างปี 2558 ที่มีการเพิ่มหน่วยงานระดับ "สำนัก" คั่นกลางระหว่าง "กรม" และ "กอง" โดยการปิดอัตรา เจ้ากรม และ ผู้อำนวยการสำนัก ในส่วนที่ซ้ำซ้อน และให้รองเจ้ากรมหรือรองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติหน้าที่แทน
4. ยกระดับคุณภาพชีวิตทหารชั้นผู้น้อย
งบประมาณที่ได้จากการปิดอัตราตำแหน่งระดับสูง จะถูกนำไปบรรจุในงบประมาณรายจ่ายปีถัดไปเพื่อ เพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการ ให้ทหารระดับปฏิบัติการโดยตรง