ตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทย กองทัพมีอิทธิพลสูงผ่านโครงสร้างกฎหมายที่เอื้อให้อยู่เหนือการกำกับดูแลของรัฐบาลพลเรือน โดยเฉพาะกลไกจาก พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม:
• สภากลาโหม (Defence Council) ที่มีอำนาจล้นมือ: แต่เดิมตาม พ.ร.บ. ปี 2503 สภากลาโหมเป็นเพียง “สภาที่ปรึกษา” แต่การแก้ไขในปี 2528 และ 2551 ได้ยกระดับให้เป็นสภาที่มีอำนาจ “ให้มติเห็นชอบ” เหนือรัฐมนตรีในด้านนโยบาย งบประมาณ และการปกครองบังคับบัญชา
• โครงสร้างที่พลเรือนบริหารไม่ได้: สมาชิกส่วนใหญ่ในสภากลาโหมเป็นข้าราชการทหารประจำการ ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่มาจากประชาชน ไม่สามารถกำหนดนโยบายปฏิรูปกองทัพได้จริง หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากเหล่านายพล
• ระบบการแต่งตั้งโยกย้าย (7 เสือกลาโหม): พ.ร.บ. ปี 2551 มอบอำนาจการแต่งตั้งนายพลให้แก่คณะกรรมการที่ถูกเรียกสั้น ๆ ว่า “บอร์ด 7 เสือกลาโหม” (ประกอบด้วย รมว., รมช., ปลัดกระทรวง, ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ 3 เหล่าทัพ) ซึ่งฝ่ายทหารมีเสียงข้างมากโดยเด็ดขาด ทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายกลายเป็นเรื่องภายในกองทัพที่รัฐบาลเข้าไม่ถึง
เราเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ. กลาโหมฯ เพื่อเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนที่ยึดโยงกับประชาชน ผ่าน 2 หัวใจหลัก:
1. ปรับบทบาทสภากลาโหมและระบบบังคับบัญชา
• เปลี่ยนเป็นสภาที่ปรึกษา (Advisory Body): ยกเลิกมาตรา 46 วรรคสี่ เพื่อให้มติสภากลาโหมเป็นเพียงคำแนะนำ ไม่ใช่ข้อบังคับที่ส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมต้องปฏิบัติตาม
• ระบบเสนาธิการร่วม (Joint Staff System): ยกระดับระบบบังคับบัญชา โดยมี รมต.กลาโหมเป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อให้การตัดสินใจของเหล่าทัพถูกบริหารจัดการอย่างบูรณาการ ตอบโจทย์ภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้อำนาจในการ “ใช้กำลัง” ขึ้นกับรัฐบาล โดยที่เหล่าทัพต่างๆมีหน้าที่ “เตรียมกำลัง” ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติการร่วมเพื่อการป้องกันประเทศ
• ปรับสัดส่วนสมาชิก: ลดจำนวนผู้นำเหล่าทัพในสภา และเพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญจาก 3 คน เป็น 5 คน เพื่อความหลากหลายของมุมมอง
2. จัดระบบแต่งตั้งนายพลใหม่ (Merit System)
• ระบบคุณธรรม 360 องศา: ยกเลิกระบบ “บอร์ด 7 เสือ” เปลี่ยนมาใช้การประเมินรอบด้านตามมาตรฐานตำแหน่ง ยึดโยงความรู้ความสามารถมากกว่าสายสัมพันธ์
• อำนาจรัฐมนตรีโดยตรง: ให้คณะกรรมการของแต่ละส่วนราชการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติ แล้วเสนอตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ตัดอำนาจขาดตัวของผู้บัญชาการเหล่าทัพในการชี้นำโผทหาร
พรรคประชาชนจะขับเคลื่อนผ่านกระบวนการนิติบัญญัติในสภาผู้แทนราษฎร:
1. ผลักดันร่างแก้ไข พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม: เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ เป็นลำดับเร่งด่วน
2. ยกเลิกอำนาจสภากลาโหมทันที: ใช้บทบัญญัติในร่างกฎหมายใหม่ให้มติสภากลาโหมมีสถานะเป็นเพียง“สภาที่ปรึกษา” ทันทีที่กฎหมายประกาศใช้ใน ราชกิจจานุเบกษา