ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะ "สามบีบ" จากสงครามการค้าโลกที่สร้างผลกระทบให้ระบบเศรษฐกิจไทยในหลายทิศทาง
บีบจากสหรัฐฯ (ตลาดหด): สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีเพื่อลดการพึ่งพาสินค้าจากต่างชาติ ทำให้ไทยส่งออกสินค้าไปยังตลาดหลักที่มีสัดส่วนถึง 20% ได้น้อยลง
บีบจากจีน (ทะลักไทย): จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ได้น้อยลงจึงระบายสินค้ามาไทยแทน ด้วยราคาที่ถูกกว่าทำให้ผู้ผลิตไทยสู้ไม่ไหวและต้องทยอยปิดตัว
บีบจากตลาดโลก (กำลังซื้อลด): ตลาดอื่นๆ ทั่วโลกหดตัวลง เพราะมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างลดปริมาณการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
ซ้ำเติมด้วยปัญหาภายในคือ สินค้าไทยเริ่มขาดความน่าสนใจ เพราะผู้ผลิตไทยขาดการลงทุนด้านเทคโนโลยีและพัฒนากระบวนการผลิตมานาน ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลกได้
กำหนดยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศใหม่ เรียกว่ายุทธศาสตร์ “มุ่งเหนือ-ลงใต้” (Look North, Go South)
1. “มุ่งเหนือ” (Look North): ดึงเทคโนโลยีและเงินทุนจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมเอเชียตะวันออก โดยอิงตามความต้องการเฉพาะของแต่ละประเทศ:
ญี่ปุ่น: เจรจาการลงทุนด้วยกรอบความคิดแบบโลกสมัยใหม่ ขยับจากการผลิตเครื่องยนต์สันดาป สู่ซอฟต์แวร์ หุ่นยนต์ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (เช่น เกมและแอนิเมชัน) โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของญี่ปุ่น ผสานกับแรงงานฝีมือของไทย
จีน: ใช้พลังการผลิตของจีนเป็นสปริงบอร์ดสู่ยุคพลังงานสะอาด (EV, แบตเตอรี่, เซมิคอนดักเตอร์) เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคพลังงานสะอาดเร็วขึ้น เพิ่มเงื่อนไขด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการใช้ซัพพลายเชนของผู้ผลิตไทยในการลงทุน
เกาหลีใต้: ชูจุดแข็งของภาคอุตสาหกรรมไทยที่มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงนอกเหนือจากการลงทุนในเวียดนาม
ไต้หวัน: เจรจาเพิ่มเติมเรื่องการลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค เซมิคอนดักเตอร์ ชิป อิเล็กทรอนิกส์ เน้นที่การกระจายความเสี่ยงของการลงทุนนอกเกาะไต้หวัน เพื่อเลี่ยงความขัดแย้งจากภูมิรัฐศาสตร์โลก
2. “ลงใต้” (Go South): บุกตลาดส่งออกใหม่ในซีกโลกใต้ (Global South) รุกคืบสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อใหม่ใน อินโดนีเซีย เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา โดยใช้จุดแข็งของไทยด้านสินค้าอุปโภคบริโภค รถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เจาะกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตในประเทศกลุ่มนี้
บูรณาการ "ทีมไทยแลนด์": ประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการค้าการลงทุน เพื่อสร้าง "คลังสมอง" นโยบายการต่างประเทศของรัฐบาล และส่งทีมผู้เชี่ยวชาญการค้าเฉพาะประเทศนั้นไปประจำในพื้นที่ เพื่อศึกษาความต้องการเฉพาะเชิงลึก เช่น สินค้าฮาลาลสำหรับโลกมุสลิม
การทูตระดับรัฐต่อรัฐ: นายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจต้องเดินทางไปเจรจาการค้าการลงทุนด้วยตนเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแสดงถึงความจริงจัง โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศ Look North ส่วนประเทศกลุ่ม Go South ที่สำคัญ ต้องมีคณะของตัวแทนระดับสูงในรัฐบาลไทยเดินทางไปด้วยตัวเอง
รวมกลุ่มอาเซียนเพื่อต่อรอง: ผนึกกำลังกับเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมอย่าง มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ เพื่อเจรจาการค้าในระดับกลุ่มประเทศ (Bloc-to-Bloc) เพิ่มอำนาจต่อรองเหนือกว่าการเจรจาเดี่ยว