หยุดพฤติกรรมลอยนวลพ้นผิด

วัฒนธรรม “ลอยนวลพ้นผิด” เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมายาวนาน ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบยุติธรรมและการเยียวยาต่อผู้เสียหาย แต่ยังเป็นการทำลาย หลักนิติธรรม (Rule of Law) ของสังคม

ระบบกฎหมายปัจจุบันมี ช่องโหว่ ที่ถูกใช้เป็น “เกราะคุ้มกันทางกฎหมาย” เอื้อให้ผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่รัฐ และ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ได้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อประชาชน สามารถหลบหนี/ประวิงเวลา เพื่อรอให้ คดีอาญาขาดอายุความ ตามกฎหมาย

เห็นได้ชัดเจนจากโศกนาฏกรรมทางการเมือง เช่น เหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง 2553 และเหตุการณ์ตากใบ 2547

เพื่อยืนยันว่าสังคมไทยต้องไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจโดยมิชอบจะต้องถูกติดตามเพื่อนำมาสู่การรับผิดชอบตลอดไป 

พรรคประชาชนจะ ทลายเกราะคุ้มกันทางกฎหมาย เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่สามารถลอยนวลพ้นผิดได้อีก ด้วยการ

1. แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 ว่าด้วยอายุความ เพื่อหยุดเวลาของผู้หลบหนี
2. การยกเลิกกระบวนการพิจารณาคดีพิเศษสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระทำความผิดต่อประชาชน 
3. ปฏิรูปศาลทหาร เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ก่ออาชญากรรมโดยรัฐอาศัยข้อจำกัดด้านเขตอำนาจศาลในการหลบเลี่ยงจากการถูกดำเนินคดีอาญาโดยกระบวนการยุติธรรมพลเรือน

พรรคประชาชนจะหยุดพฤติกรรมลอยนวลพ้นผิด ผ่านการแก้ไขกฎหมายต่อไปนี้ 

1. แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 เพื่อกำหนดให้ อายุความสะดุดหยุดลง นับแต่วันที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาใช้การหลบหนีเพื่อให้คดีขาดอายุความ และกำหนดให้กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้กับคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว
2. แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 เพิ่มบทบัญญัติ ยกเว้น ไม่ให้นำ พ.ร.ป. นี้มาใช้บังคับกับ คดีที่มีประชาชนหรือผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมหรือเป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่ให้คดีเหล่านี้โอนกลับสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ เพื่อให้ประชาชนและญาติมีสิทธิฟ้องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อศาลยุติธรรมชั้นต้นได้ทันที โดยไม่ต้องผ่าน ป.ป.ช.
3. แก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร เพิ่มข้อยกเว้นว่า คดีอาญาที่ผู้เสียหายเป็นพลเรือน จะต้องไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร แต่ให้โอนไปพิจารณาในศาลยุติธรรมพลเรือน เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ก่อเหตุต้องรับผิดชอบภายใต้กระบวนการยุติธรรมปกติ