ออกกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP)

ยกเลิกโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท เปลี่ยนเป็นโทษปรับ เพื่อป้องกันการใช้คดีอาญาคุกคามประชาชน สื่อ และนักกิจกรรมที่วิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างสุจริต

ออกกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP)

ทำไมต้องแก้ปัญหา (WHY)

การฟ้องปิดปาก (Strategic Lawsuit Against Public Participation: SLAPP) คือการใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการสร้างความยุ่งยากและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ 

ปัจจุบัน สถานการณ์การฟ้องปิดปากมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ถูกฟ้องอาจเป็นใครก็ได้ ตั้งแต่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการใหญ่, นักกิจกรรม, สื่อมวลชน, ไปจนถึงนักการเมือง ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศประชาธิปไตยของประเทศในภาพรวม 

  1. ทำลายเสรีภาพในการแสดงออก: การฟ้องปิดปากไม่ได้มุ่งหวังที่ผลของคดีว่าจะชนะหรือแพ้  แต่ต้องการใช้กระบวนการทางกฎหมายสร้าง ภาระแก่ผู้ถูกฟ้อง ทั้งภาระค่าใช้จ่ายและความเครียด เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องหยุดตรวจสอบประเด็นสาธารณะ ซึ่งปลายทางเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสังคม
  2. สังคมตกอยู่ใน "ภาวะหวาดกลัว" (Chilling Effect): เมื่อเห็นตัวอย่างผู้ที่ถูกฟ้อง ประชาชน  สื่อมวลชน และนักวิชาการ อาจเลือกที่จะ เซ็นเซอร์ตัวเอง และเพิกเฉยต่อการตรวจสอบอำนาจรัฐและภาคธุรกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคม
  3. บั่นทอนหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตย: เมื่อกลไกการตรวจสอบโดยประชาชนถูกปิดกั้น ผู้มีอำนาจหรือผู้มีอิทธิพลก็ลอยนวลพ้นผิดได้ง่ายขึ้น

เราจะทำอะไร (WHAT)

ผลักดัน “กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก” (Anti-SLAPP Law) เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนในการตั้งคำถาม ตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงความเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ

ทำอย่างไรให้สำเร็จ (HOW)

พรรคประชาชนจะผลักดันชุดร่างกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP) โดยการแก้ไขกฎหมายหลัก 4 ฉบับ เพื่อสร้างกลไกการคุ้มครองพลเมืองที่เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล:

1. ประมวลกฎหมายอาญา [มาตรา 1, 326, 329(5), 330, 393] 

มุ่งเน้นไปที่การลดความรุนแรงของโทษและการขยายขอบเขตการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก:

  • ยกเลิกโทษจำคุก ฐานหมิ่นประมาท (ม.326) และดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา (ม.393) โดยเปลี่ยนไปใช้โทษ ปรับทางพินัย แทน (หมิ่นประมาทไม่เกิน 10,000 บาท และดูหมิ่นไม่เกิน 5,000 บาท)
  • เพิ่มเหตุยกเว้นความผิด (ม.329(5), ม.330) กรณีแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อ ประโยชน์สาธารณะ และอนุญาตให้พิสูจน์ความจริงได้ (เว้นแต่เป็นเรื่องส่วนตัว) โดยมีการ เพิ่มบทนิยาม "การมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ" ใน ม.1

2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) (มาตรา 2, 133 จัตวา, 143/1, 161/1, 165/3)

มุ่งเน้นการสร้างกลไกยุติคดีที่รวดเร็วตั้งแต่ต้นกระบวนการเพื่อลดภาระผู้ถูกฟ้อง และกำหนดกลไกป้องกันในทุกชั้น:

  • หยุดยั้งคดีตั้งแต่เริ่มต้น: สร้างกลไกยุติคดีปิดปากในชั้นศาล (ม.161/1, ม.165/3) โดยให้จำเลยขอให้ศาลยกฟ้องคดีอาญาที่เข้าข่าย SLAPP ได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ศาลรับคำแถลง
  • อำนาจอัยการในการยุติคดี: ให้อำนาจพนักงานอัยการในการยุติคดี (ม.143/1) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้ความคุ้มครองการสั่งคดีโดยสุจริต
  • ป้องกันในชั้นสอบสวน: กำหนดกลไกป้องกันในชั้นสอบสวน (ม.133 จัตวา, ม.2) ให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และกำหนดข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในหลายท้องที่หรือไม่เกี่ยวข้อง 

3. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 423 วรรคสาม และสี่)

  • ยกเว้นความรับผิดทางแพ่ง (ม.423 วรรคสามและสี่) กรณีการเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่รู้ว่าเป็นความเท็จ หากการเผยแพร่นั้นเป็นเรื่อง ประโยชน์สาธารณะ และได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอตามภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แล้ว

4. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.แพ่ง) (มาตรา 1(15), 24/1, 24/2, 24/3)

  • ให้อำนาจศาลยกฟ้องคดีแพ่งที่เข้าข่าย SLAPP (ม.24/1) โดยจำเลยสามารถยื่นคำร้องได้ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และกำหนดให้ ชะลอกระบวนพิจารณาคดี ทั้งหมดระหว่างการพิจารณาคำร้อง (ม.24/1)
  • ให้อำนาจศาลสั่งให้โจทก์ชดใช้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษ (ม.24/2, ม.24/3) ได้ หากปรากฏความจริงว่าเป็นการฟ้องคดีเพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ

ดูร่างกฎหมายของเราได้ที่นี่ https://drive.google.com/drive/folders/1u_Da22Te9mgf4VfVud6p3zakCl6oMA6x