ในระบอบประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของประชาชนต้องไปไกลกว่าการเลือกตั้ง แต่ต้องครอบคลุมถึงการร่วมตัดสินใจในโครงการระดับพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง (เช่น โรงไฟฟ้า ขยะ เหมืองแร่) อย่างไรก็ตาม เสียงจากประชาชนตลอดหลายทศวรรษสะท้อนว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นในปัจจุบันมักเป็นเพียง "พิธีกรรม" เพื่อให้ครบขั้นตอนตามกฎหมาย มากกว่าการเปิดกว้างเพื่อรับฟังเสียงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจจริง โดยมีปัญหาหลัก 5 ประการ
รับฟังโดยไม่มีการรับรู้: ขาดการประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึง เข้าถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพียงวงแคบ
รับฟังโดยไม่มีความหมาย: ความเห็นของประชาชนไม่ถูกนำไปพิจารณาในกระบวนการตัดสินใจเชิงนโยบาย
รับฟังโดยไม่มีทางเลือก: รับฟังความเห็นในขั้นตอนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยุติโครงการได้แล้ว ประชาชนมีทางเลือกแค่ "เอาหรือไม่เอา" ไม่มีสิทธิเสนอทางเลือกอื่น
รับฟังโดยไม่มีความไว้วางใจ: ความเป็นกลางของผู้จัดกระบวนการถูกตั้งคำถาม เช่น กรณีบริษัทที่ปรึกษาการทำ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ถูกว่าจ้างโดยตรงจากเจ้าของโครงการ
รับฟังโดยไม่มีเจตจำนง: หน่วยงานหรือเจ้าของโครงการมักดำเนินการตามมาตรฐานขั้นต่ำสุด หรือใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการรับฟังความเห็น เช่น การแบ่งซอยโครงการใหญ่ให้เป็นโครงการย่อยเพื่อเลี่ยงเกณฑ์การตรวจสอบ
ยกระดับให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างมี “ความหมาย” เพื่อร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการในพื้นที่ที่กระทบต่อชีวิตของประชาชน (แนวคิดหลายส่วนมาจากผลการศึกษาของสำนักงาน ป.ย.ป. ที่นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร)
1. การสร้างมาตรฐานกลางเพื่อรับประกันการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อโครงการของรัฐ
นิยามระดับการมีส่วนร่วม (เช่น ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมดำเนินงาน) เพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่ต้องดำเนินการในแต่ละระดับ ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานเรื่องกระบวนการขั้นตอน มาตรฐานเรื่องความผูกพันของผลลัพธ์จากการมีส่วนร่วม (เช่น ประชามติ)
นิยามการดำเนินการของรัฐแต่ละประเภท (เช่น โครงการ กิจกรรม กฎหมาย) ที่ต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยอาจจัดทำเป็นบัญชีรายการของส่วนกลางที่สามารถเพิ่มเติมได้
ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ตลอดกระบวนการ เพื่อสามารถร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินการของรัฐได้อย่างแท้จริง
นิยาม “ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง” ให้ชัดเจนแต่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความเห็นตามกระบวนการที่เหมาะสม ทั้ง "ประชาชนทั่วไป" และ "ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง"
สื่อสารเนื้อหาโครงการและช่องทางการมีส่วนร่วม ให้ไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ
กำหนดเจ้าภาพและบทบาทของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนไว้วางใจและยอมรับความเป็นกลางในการจัดกระบวนการ (เช่น ทบทวนให้หน่วยงานที่จัด ไม่ใช่หน่วยงานเจ้าของโครงการ)
ยกระดับมาตรการชดเชยเยียวยาประชาชน หลังจากดำเนินโครงการไปแล้ว เช่น การปรับปรุงการชดเชยเยียวยาในกรณีที่มีการประเมินความเสียหายต่ำกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
สร้างกลไกและวัฒนธรรมรับผิดรับชอบของหน่วยงานรัฐ เช่น เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอน
2. การยกระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการที่เฉพาะเจาะจง เช่น
กระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เช่น กำหนดให้โครงการที่ต้องทำ EIA ระบุมาตรการชดเชยเยียวยาที่ชัดเจน เพื่อเป็นเงื่อนไขในการได้รับอนุญาต เพิ่มกลไกการนำเงินจากกองทุนสิ่งแวดล้อมมาใช้เยียวยาความเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหาย
การจัดทำผังเมือง เช่น เพิ่มขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น "ก่อน" เริ่มร่างผังเมือง เพิ่มบทบาทท้องถิ่นในกระบวนการจัดทำและตัดสินใจเรื่องผังเมืองระดับพื้นที่
1. ผลักดันกฎหมายกลางเพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้กำกับการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อโครงการในพื้นที่ของทุกหน่วยงานรัฐ
เช่น ยกระดับสถานะของกฎหมายกลาง เป็น พ.ร.บ. การมีส่วนร่วมของประชาชนฯ
เช่น ปรับปรุงระเบียบสำนักระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548
2. ปรับปรุงกฎหมายเฉพาะ เพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มเติมที่ใช้กำกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อโครงการในพื้นที่แบบเจาะจง
เช่น ปรับปรุง พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำ EIA
เช่น ปรับปรุง พ.ร.บ. การผังเมือง เพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำผังเมือง