เลือกตั้งท้องถิ่นดีกว่านี้ได้

เลือกตั้งท้องถิ่นดีกว่านี้ได้
ปฏิรูปการเมือง
การเลือกตั้งท้องถิ่น
กระจายอำนาจ

ทำไมต้องปฏิรูปการเลือกตั้งท้องถิ่น (the WHY)

แม้การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเป็นกลไกพื้นฐานสำคัญ แต่กลับพบปัญหาเชิงโครงสร้าง 3 ประการที่ต้องเร่งแก้ไข

1. การมีส่วนร่วมต่ำ: ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นน้อยกว่าการเลือกตั้งระดับชาติอย่างมีนัยสำคัญ

2. ขาดการแข่งขัน: การแข่งขันทางการเมืองมักขาดความยึดโยงกับนโยบาย และบ่อยครั้งผู้บริหารท้องถิ่นใช้วิธีลาออกก่อนครบวาระเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ทำให้การแข่งขันไม่เป็นไปตามครรลองปกติ

3. ขาดความโปร่งใส: การจัดการเลือกตั้งยังถูกตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพและความเป็นกลาง เช่น สัดส่วนบัตรเสียที่สูง ข้อจำกัดในการสังเกตการณ์ หรือความกังวลเรื่องความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งเอง

 

พรรคประชาชนจะทำอะไร (the WHAT)

พรรคประชาชนมุ่งมั่นที่จะปฏิรูประบบการเลือกตั้งท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเปิดกว้างสำหรับการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่าน 6 มาตรการหลัก:

1. จัดเลือกตั้งท้องถิ่นพร้อมกันทั่วประเทศ (Super Local Election Day)

กำหนดให้ทุก 4 ปี มี "วันมหกรรมเลือกตั้งท้องถิ่น" 1 วัน ที่ประชาชนจะได้เลือกตั้งท้องถิ่นพร้อมกัน ทุกฝ่าย (นายกและสมาชิกสภา) ทุกพื้นที่ (ทั่วประเทศ) และ ทุกระดับ (อบจ., เทศบาล, อบต., กทม., พัทยา) เพื่อสร้างความตื่นตัว ประหยัดงบประมาณ และทำให้แผนพัฒนาท้องถิ่นสอดรับกัน

มาตรการรองรับ: 

ทางเลือก 1: หากผู้บริหารพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้จัดการเลือกตั้งซ่อมเฉพาะวาระที่เหลืออยู่ 

ทางเลือก 2: ใช้วิธีให้นายกสำรอง (จากบัญชีรายชื่อที่เสนอตอนหาเสียง) ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน เพื่อรักษาวงรอบการเลือกตั้งใหญ่ให้ตรงกัน

2. อำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิ

เลือกตามที่อยู่จริง: ให้สิทธิประชากรแฝง (ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยในพื้นที่ต่างจากทะเบียนบ้าน) กว่า 9 ล้านคน สามารถลงทะเบียนเลือกตั้งในพื้นที่ที่ตนใช้ชีวิตจริงได้

• เพิ่มช่องทางเลือกตั้ง: เปิดระบบเลือกตั้งล่วงหน้า (ในเขต, นอกเขต, นอกราชอาณาจักร) และขยายช่องทางอื่น เช่น ทางไปรษณีย์หรือออนไลน์ จากเดิมที่ช่องทางเหล่านี้ให้เฉพาะเลือกตั้งระดับชาติ

• ลดเงื่อนไขย้ายทะเบียนบ้าน: ปรับลดระยะเวลาการย้ายทะเบียนบ้านเพื่อมีสิทธิเลือกตั้งจาก 1 ปี เหลือ 90 วัน และหากย้ายไม่ถึง 90 วัน ยังคงสิทธิเลือกตั้งในเขตเดิมได้

• เข้าถึงคนทุกกลุ่ม: เข้มงวดมาตรฐานหน่วยเลือกตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและคนพิการ อบรมกรรมการประจำหน่วยเรื่องการอำนวยความสะดวก

3. เพิ่มการมีส่วนร่วมในการลงสมัครรับเลือกตั้ง

• ลดอายุผู้สมัคร: ปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับผู้มีสิทธิรับสมัครเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น (ปัจจุบันกำหนดไว้ที่ 25 ปีและ 35 ปีตามลำดับ) เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท

• ทบทวนบทลงโทษ: ทบทวนไม่ให้การไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง นำไปสู่การสูญเสียสิทธิด้านอื่น ๆ เกินจำเป็น (เช่น การเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น) และปรับให้การจำกัดสิทธิหายทันทีที่บุคคลดังกล่าวได้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

4. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเลือกตั้ง

• ออกแบบและกำหนดรูปแบบบัตรเลือกตั้งให้ชัดเจน: เพื่อลดความสับสน เช่น กำหนดให้สีบัตรเลือกตั้งเป็นคู่สีตรงข้าม บังคับใช้เหมือนกันทั้งประเทศ และกำหนดให้ข้อมูลบนบัตรเลือกตั้งมีความครอบคลุมมากขึ้น (เช่น ชื่อผู้สมัคร รูปผู้สมัคร ชื่อพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง)

• วางมาตรฐานการจำแนกบัตรดี-บัตรเสีย ให้ชัดเจนและคงเส้นคงวาสำหรับทุกหน่วย

• ยื่นบัญชีออนไลน์: เพิ่มช่องทางออนไลน์ในการยื่นบัญชีรายรับรายจ่ายของผู้รับสมัครเลือกตั้ง

5. เพิ่มความโปร่งใสในการจัดการเลือกตั้ง

• กำหนดเกณฑ์และขอบเขตการมีส่วนร่วม ของนักการเมือง (ระดับชาติ) ในการช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้ง (ท้องถิ่น) ให้ชัดเจน

• รายงานผล Real-time: กำหนดให้มีการรายงานและเผยแพร่ผลการนับคะแนน รายหน่วยเลือกตั้ง อย่างรวดเร็ว ผ่านระบบออนไลน์ที่ประชาชนเข้าถึงได้โดยทั่วไปตลอดเวลา และในรูปแบบที่นำไปวิเคราะห์ประมวลผลต่อได้

• สิทธิสังเกตการณ์: เพิ่มการคุ้มครองสิทธิในการสังเกตการณ์เลือกตั้ง เช่น สิทธิในการสังเกตการณ์การนับคะแนนเลือกตั้งได้อย่างสะดวกและใกล้ชิด รวมถึงสิทธิในการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

6. ทบทวนผู้รับผิดชอบและการแบ่งบทบาทหน้าที่

• ให้ กกต. เป็นเจ้าภาพหลัก: เปลี่ยนผู้รับผิดชอบหลักในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเพิ่มหลักประกันเรื่องความเป็นกลางและประสิทธิภาพในการจัดการเลือกตั้ง โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่เพียงการสนับสนุนงานเท่านั้น

• งบประมาณจากส่วนกลาง: กำหนดให้ กกต. เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณและบุคลากรในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยจัดสรรงบประมาณประจำปีสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างชัดเจน (เช่น การเลือกตั้งในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งครบวาระ)

ทำอย่างไรให้สำเร็จ? (the HOW)

การขับเคลื่อนนโยบายนี้จะดำเนินการผ่าน 2 กลไกหลัก

1. การแก้ไขกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ:

• ผลักดัน ร่างแก้ไข พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่น (สำหรับข้อเสนอ 1-6)

• ผลักดัน ร่างแก้ไข พ.ร.บ. จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5 ฉบับ (อบจ. / เทศบาล / อบต. / กทม. / เมืองพัทยา) (สำหรับข้อเสนอ 1 เรื่องการเลือกตั้งพร้อมกัน และข้อเสนอ 3 เรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร)

2. Reset วาระการดำรงตำแหน่งพร้อมกัน:

• กำหนดวันสำหรับการ รีเซ็ต (reset) การเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อให้เกิด "วันมหกรรมเลือกตั้งท้องถิ่น" (Super Local Election Day) ซึ่งจะเป็นวันสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นของทุกฝ่าย-ทุกพื้นที่-ทุกระดับ ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกันทุก ๆ 4 ปี