ปัญหาหลักของการบริหารกรุงเทพฯ คือการเป็น "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชั้นเดียว" ซึ่งทำให้ เกิดปัญหาดังต่อไปนี้ คือ
• อำนาจการตัดสินใจรวมศูนย์: ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะผู้บริหารสูงสุด ต้องกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดถึง 70 หน่วยงาน (20 สำนัก และ 50 สำนักงานเขต)
อำนาจในการกำหนดนโยบาย การจัดสรรงบประมาณ และบุคลากรทั้งหมดถูกรวมไว้ที่ฝ่ายบริหารส่วนกลางของ กทม. ทั้งหมด
• ให้บริการประชาชนไม่ตรงจุด: สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง มีบริบทและปัญหาในพื้นที่ที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่กลับต้องรอการกำหนดนโยบายและการจัดสรรงบประมาณจากส่วนกลางเพียงจุดเดียว ทำให้การบริหารจัดการของแต่ละเขตไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด
ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้การบริหารจัดการเมืองขาดประสิทธิภาพ ไม่มีความยืดหยุ่น และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของแต่ละเขตได้อย่างทันท่วงที
พรรคประชาชนจะยกระดับการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร โดยเปลี่ยนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชั้นเดียว เป็น "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสองชั้น" เพื่อให้เกิดการแบ่งแยกอำนาจ งบประมาณ และบริการที่ชัดเจน:
1. การบริหารระดับล่าง (นคร):
• เพิ่มการบริหารระดับย่อยลงมาจาก กทม. โดยมี "นคร" เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง
• ผู้บริหารและสภาของ “นคร” จะมาจากการ เลือกตั้งของประชาชนโดยตรง และรับผิดชอบต่อประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ
• มีหน้าที่จัดทำบริการสาธารณะที่ไม่ซับซ้อนและอยู่ใกล้ชิดประชาชน เช่น โรงเรียน, ศูนย์เด็กเล็ก, ถนนและไฟส่องสว่างภายในซอย
2. การบริหารระดับบน (กรุงเทพมหานคร)
• กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ยกฐานะเป็นท้องถิ่นส่วนบน ทำหน้าที่จัดทำบริการสาธารณะขนาดใหญ่ที่ส่งผลต่อ กทม. โดยรวม ไม่ได้เจาะจงนครใดนครหนึ่ง เช่น ระบบขนส่งมวลชน หรือโรงกำจัดขยะมูลฝอย
• เป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดแผนและทิศทางการพัฒนาเมือง เช่น การวางผังเมือง
• ทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารงานของนคร เพื่อให้การจัดทำบริการสาธารณะของแต่ละ “นคร” มีมาตรฐานเดียวกัน และสอดคล้องกับการพัฒนาเมืองในภาพรวม
การปฏิรูปโครงสร้างนี้ต้องดำเนินการผ่านการแก้ไขกฎหมายหลัก คือ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ทั้งฉบับ เพื่อกำหนดโครงสร้างการบริหารเป็นแบบสองชั้น โดยมีสาระสำคัญที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้:
1. จัดตั้ง "นคร"
กำหนดให้มี นคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง
“นคร” มีฝ่ายบริหารและสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง
2. ขยายอำนาจ กทม. (ระดับบน)
• เพิ่มเติมอำนาจและหน้าที่ให้กรุงเทพมหานคร ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับบน เพื่อให้ไม่ติดข้อจำกัดของกฎหมายของราชการส่วนกลาง และสามารถจัดทำบริการสาธารณะได้อย่างกว้างขวาง
• ดำเนินการโดย ยกเลิกถ้อยคำ "ภายใต้บังคับของกฎหมาย" ซึ่งจะมีผลให้ “ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นบางเรื่องที่ห้าม” (Negative List) จากเดิมที่กำหนดให้ทำได้เฉพาะที่กฎหมายกำหนด (Positive List)
3. แบ่งแยกการเงินอย่างชัดเจน
แบ่งแยกรายได้และการบริหารงบประมาณของ “กรุงเทพมหานคร” และ “นคร” อย่างชัดเจน
กรุงเทพมหานครสามารถสนับสนุนงบประมาณในรูปแบบของเงินอุดหนุนให้กับ “นคร” ได้
4. กำหนดกลไกแก้ไขข้อพิพาท
• กำหนดกลไกการประสานงานและวินิจฉัยข้อพิพาทระหว่าง “กรุงเทพมหานคร” และ “นคร”
• ประกอบด้วยตัวแทนจากรัฐบาลกลาง กรุงเทพมหานคร และนคร เพื่อให้การบริหารราชการกรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างมีเอกภาพและแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันได้